ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภค ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยในเดือน ก.พ. 58 ลดลงจากระดับ 80.4 ในเดือน ม.ค. มาอยู่ที่ 79.1 สาเหตุจากผู้บริโภคกังวลถึงความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลเชิงลบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจไทย ราคาสินค้าเกษตรอยู่ในระดับต่ำและราคาน้ำมันในประเทศปรับสูงขึ้น ทำให้เกิดความกังวลต่อปัญหาค่าครองชีพ แต่อาจมีโอกาสฟื้นตัวในปลายไตรมาส 2 หากภาครัฐเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและลงทุนอย่างชัดเจนภายในเดือนนี้
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เตรียมทบทวนคาดการณ์จีดีพีของไทยในปีนี้ใหม่อีกครั้งในเดือน เม.ย. ที่จะถึงนี้คาดว่าเหลือร้อยละ 3 - 3.5 จากเดิมร้อยละ 3.5 - 4 และปรับลดการส่งออกเหลือขยายตัวเพียงร้อยละ 1 - 2 จากร้อยละ 3 - 4
ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพุธหน้า นายธนวรรธน์ กล่าวว่าส่วนตัวเห็นว่า กนง. ควรพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับหนึ่งและทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง หลังธนาคารกลางหลายประเทศใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย
นอกจากนี้ สิ่งที่รัฐบาลพอจะทำได้คือชะลอการปรับขึ้นราคาพลังงาน ทั้งก๊าซ NGV และ LPG ไปจนกว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวหรือมีเม็ดเงินจากการเบิกจ่ายในโครงการของรัฐลงสู่ระบบได้มากในระดับหนึ่งแล้วจึงค่อยดำเนินการปรับขึ้นราคา
ขณะที่มาตรการลดภาษีนั้นไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ และยังไม่ควรให้มาตรการภาษีที่จะกำลังจะออกมาบังคับใช้ เพราะจะเป็นปัจจัยลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจมากเกินไป เช่น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ควรปรับลดเพดานภาษี เพื่อไม่ให้เป็นภาระประชาชนและต้องเร่งสร้างความเข้าใจต่อประชาชนให้มากที่สุด