สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นิโคลัส ครูซ มือปืนกราดยิงโรงเรียน 17 ศพในวันวาเลนไทน์ ขึ้นให้การกับศาลรอบแรก หลังบุกยิงโรงเรียนมัธยม มาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส เมื่อวานนี้ โดยศาลตั้งข้อหา ฆ่าและพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 17 กระทง ซึ่งหลังให้การเสร็จเจ้าหน้าที่ก็นำตัวครูซไปฝากขังพร้อมมีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าระวัง เนื่องจากเกรงว่าครูซจะฆ่าตัวตาย
ทนายเผยว่าครูซเป็นคนที่มีอาการทางจิต อยู่ในภาวะซึมเศร้าหลังแม่บุญธรรมเสียชีวิตเมื่อ 3 เดือนก่อน แต่ยืนยันว่าครูซทราบว่าทำอะไรลงไป และรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ขณะที่ตำรวจที่จับกุมครูซเมื่อวานก็เล่าว่ามือปืนรับสารภาพบนรถตำรวจว่าได้ยินเสียงในหัวจึงลงมือก่อเหตุกราดยิงดังกล่าว ทาง FBI ก็เผยด้วยว่าเจ้าหน้าที่รับแจ้งเตือนถึงตัวครูซ 1 ปี ก่อนหน้านี้ มีผู้ใช้ออนไลน์รายหนึ่งสังเกตุเห็นคำพูดของครูซในวิดีโอออนไลน์ว่าในอนาคตเขาจะเป็นมือปืนกราดยิงโรงเรียนมืออาชีพ ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าพยายามตามตัวครูซแล้ว แต่ไม่สามารถหาตัวครูซได้จนกระทั่งสายไป เบาะแสที่ตำรวจมีคือรายงานจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ต แล้วก็ภาพถ่ายรูปโปรไฟล์ของครูซ ซึ่งเป็นรูปถ่ายเขาพร้อมกับมีดและปืนพกบนบัญชีโซเชียลมีเดียของเขา ซึ่งตรงจุดนี้คล้ายกับ ซึง ฮุย-โช มือปืนชาวเกาหลีใต้ที่ก่อเหตุกราดยิง วิทยาลัยเวอร์จิเนียเทค เมื่อปี 2007 ซึ่งเป็นเหตุกราดยิงที่มีผู้เสียชีวิตสูงที่สุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
ส่วนที่เมืองพาร์คแลนด์ รัฐฟลอริดา นักเรียนโรงเรียนมัธยมมาร์จอรี่ สโตนแมน ดักลาส ก็จัดพิธีไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตที่สวนสาธารณะไพน์ เทรลล์ พาร์ค มีการจุดเทียนไว้อาลัยให้เหยื่อของครูซทั้ง 17 คน และระหว่างพิธี ผู้ที่มาร่วมงานกลุ่มหนึ่งก็ร่วมกันส่งเสียงเรียกร้องให้รัฐออกมาตรการควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น
ด้านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวแสดงความเสียใจ และรับปากว่าจะเดินทางไปรัฐฟลอริดา เพื่อปลอบขวัญผู้สูญเสียจากเหตุครั้งนี้ สำหรับความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับคดี นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังระบุว่า รัฐบาลจะทำงานประสานกับหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อทำให้โรงเรียนปลอดภัย และแก้ปัญหาด้านสุขภาพจิต
โดยทรัมป์ไม่ได้พูดถึงประเด็นอาวุธปืนเลยแม้แต่น้อย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้นำสหรัฐฯ มองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีต้นเหตุมาจากปัญหาสุขภาพจิต แทนที่จะเป็นอาวุธปืน นอกจากนี้ บนทวิตเตอร์ ทรัมป์ ก็โพสต์ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ครูซดูเหมือนกับคนมีปัญหาทางจิต
ทั้งนี้ สื่อสหรัฐฯ บางสำนัก ระบุว่า ถ้อยคำปลอบขวัญผู้สูญเสียนี้ จริงๆ อาจเป็นสร้างความอุ่นใจให้แก่ผู้ที่สนับสนุนการครอบครองอาวุธปืนมากกว่า
ปิดท้ายมีสถิติที่น่าสนใจจาก สถาบันเพื่อการวัดและประเมินุขภาพ ของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน แสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีอัตราการเสียงชีวิตจากอาวุธปืนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศที่มีฐานะดี สูงกว่าประเทศในกลุ่มเดียวกันหลายเท่า
แต่ถ้าวัดกับประเทศอื่นๆทั่วโลก สหรัฐฯไม่ได้เป็นประเทศที่มีการเสียชีวิตจากอาวุธปืนลำดับต้นๆ สถิติการเสียชีวิตจากอาวุธปืนในประเทศสหรัฐฯ อยู่ที่ 3.85 คนต่อประชากร 1 แสนคน สูงเป็นอันดับที่ 31 ของโลก
ขณะที่ของไทยอยู่ที่ 4.45 คน ต่อประชากร 1 แสนคน สูงเป็นอันดับที่ 2 ของกลุ่มประเทศอาเซียน ที่หนึ่งของกลุ่มประเทศอาเซียนคือฟิลิปปินส์ อยู่ที่ 7.42 คน ต่อประชากร 1 แสนคน
ประเทศที่อัตราการเสียชีวิตจากอาวุธปืนสูงที่สุดคือประเทศ เอล ซาวาดอร์ ในทวีปอเมริกากลาง เนื่องจากการปะทะกันของแก๊งค้ายาเสพติด ส่วนประเทศที่อัตราการเสียชีวิตจากอาวุธปืนน้อยที่สุดคือ สิงค์โปร ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน และโอมาน ตามลำดับ