น้ำจากเเม่น้ำจิทาลุม (Citarum) ของอินโดนีเซีย ใช้ปลูกข้าว ไม่ต่ำกว่า 2.5 ล้านไร่ ใช้ผลิตกระเเสไฟฟ้าโดยโรงไฟฟ้าสามเเห่ง เเละสามารถเป็นเเหล่งน้ำชั้นดีสำหรับคนอินโดนีเซีย ราว 28 ล้านคน เเต่เพราะน้ำเน่า เเละ เต็มไปด้วยสารพิษ การนำไปใช้ก็อาจจะลำบาก เนื่องจากอะลูมิเนียม เเมงกานีส เเละ เหล็ก รวมถึงสารโลหะหนักอีกมากมาย เเม่น้ำจิทาลุม ได้ชื่อว่าเป็น เเม่น้ำที่มีสารตกค้าง หรือเน่ามากที่สุดสายหนึ่งของโลก
ส่วนสำคัญ เพราะโรงงาน เเละ บ้านเรือน ตลอดสองฝั่งเเม่น้ำ ที่ยาวพาดผ่าน ตั้งเเต่ชวาตะวันตกจนถึงทะเล ใกล้ๆ เมืองหลวงกรุงจาการ์ตา ล้วนเเต่ทิ้งของเสียลงเเม่น้ำ เเต่เเม้ว่าจะเน่าขนาดไหน ก็ยังคงมีคนยากจน จำนวนไม่น้อย จำต้องใช้น้ำจากเเม่น้ำสายนี้ เเละ สิ่งที่ตามมาก็คือ อาการเเพ้ ระคายเคืองของผิวหนัง เเค่ใช้ล้าง ใช้อาบ ยังเเพ้กัน เเล้วถามว่าดื่มได้ไหม คงต้องหมดหวัง เพราะคุณภาพของน้ำนั้น ต่ำกว่าระดับ มาตรฐานของสหรัฐที่รับรองน้ำที่สามารถดื่มได้ ทะลุไป 1000 เท่า เเต่เมื่อปลายเดือนที่เเล้ว โจโก วิโดโด (Joko Widodo) ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ยืนยันว่า ขอเวลา 7 ปี น้ำจากเเม่น้ำสายนี้ ดื่มได้เเน่นอน
งานนี้ไม่ได้บอกว่าใช้เงินเท่าไหร่ เเต่ทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน เเละ ภาคเอกชน ในพื้นที่ 25 อำเภอ ต่างต้องมีส่วนร่วมในภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้ทั้งสิ้น เเละมีมาตรการตั้งเเต่การออกกฏหมายมาบังคับใช้ จนถึงการรณรงค์ เเละ ให้การศึกษากับประชาชนเรื่องการอนุรักษ์สิ่งเเวดล้อม