วันนี้ (14มี.ค.61) พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาติดตามสำนวนคดี3 ข้อกล่าวหาที่ได้มีการร้องทุกข์ไปแล้วของนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทรับเหมายักษ์ใหญ่อิตาเลียนไทย คือ ติดสินบนเจ้าพนักงาน มีอาวุธปืนครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง
โดยภายหลังการสอบปากคำ พล.ต.ต.กมล เหรียญ ราชา ผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนปปป.ได้แจ้งข้อกล่าวหาพยายามติดสินบนนายเปรมชัยเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะดำเนินการสอบสวนผู้ร้องทุกข์เพิ่มเติม ซึ่งพล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้สั่งการให้ไปสอบพยานบุคคลเพิ่ม ให้ชัดเจนว่า มีการเสนอให้สินบนเป็นอะไร ซึ่งเบื้องต้นในข้อหานี้ นายเปรมชัยปฏิเสธข้อหา
ส่วนคดีที่อยู่ในอำนาจของ กองบังคับการปรามปราบการกระทำผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) 2 ข้อหา อยู่ระหว่างสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งขณะนี้ผลตรวจอาวุธปืนออกมาเรียบร้อย
โดย กรมศิปกรตรวจสอบอาวุธปืน ยืนยันว่า เป็น ปืนโบราณวัตุ จากลักษณะรูปแบบและลวดลายคาดว่ามีการนำเข้ามาจากต่างประเทศตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเก็บสะสม แต่ขณะนี้กฏหมายพ.ร.บ.โบราณสถานวัตถุ ยังครอบคลุมที่จะสามารถเอาผิดได้ แต่หากนายเปรมชัยชี้แจงที่มาของอาวุธปืนไม่ได้ จะต้องตกเป็นของแผ่นดิน
ส่วนงาช้างที่ผิดกฏหมาย เกี่ยวข้องกับข้อกฏหมายหลายฉบับ จะต้องประสานกับกรมศุลกากร ว่ามีประวัติการนำเข้ามาถูกต้องหรือไม่ หากผิดจะต้องดำเนินการตามพรบ.ศุลกากร ซึ่งจะเป็นอำนาจของกรมสวนคดีพิเศษ รวมไปถึง ประสานไซเตรท ว่างาช้างนี้มีการแจ้งหาไว้หรือไม่ ถ้ามีต้องแจ้งข้อหาฐานลักทรัพย์ ซึ่งอำนาจดำเนินการเป็นของอัยการต่างประเทศ
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์กำชับว่าในข้อหาครอบครองงาช้างและข้อหาครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมายนี้จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มี.ค.นี้
ซึ่งหลังจากการสอบสวนและแจ้ง 3 ข้อหาเสร็จแล้ว จะนำตัวนายเปรมชัย ไปขออำนาจศาลอาญา รัชดาฯ ในการฝากขังในข้อหาครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยผิดกฎหมายเพียงข้อหาเดียวเนื่องจากข้อกฎหมายให้ฝากขังได้ทีละหนึ่งข้อหา โดยเหตุผลที่เลือกฝากขังข้อหานี่เนื่องจากเป็นข้อหาที่หนักที่สุดคือจำคุก 10 ปี ปรับ 4 เท่าของมูลค่างาช้างโดยไม่รวมภาษีอากร
ส่วนภรรยาของนายเปรมชัย นั้น ได้ขอเลื่อนรับทราบข้อกล่าวหาจึงสั่งให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกรอบ 2ในวันที่ 20 มี.ค.นี้
