สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวานนี้ชาวปาเลสไตน์จำนวนประมาณ 20,000 คน ได้ร่วมชุมนุมกันที่เมืองกาซาในบริเวณพรมแดนติดกับประเทศอิสราเอล เพื่อกดดันให้อิสราเอลอนุญาตให้ชาวครอบครัวชาวปาเลสไตน์สามารถเดินทางกลับไปยังดินแดนที่ถูกอิสราเอลยึดครองไปตั้งแต่ช่วงทำสงครามกับชาติอาหรับเมื่อปี 1948 โดยระหว่างการประท้วง กลุ่มผู้ชุมนุมได้เผายางรถยนต์เพื่อไม่ให้ทหารอิสราเอลมองเห็นความเคลื่อนไหวในฝั่งปาเลสไตน์
ขณะที่ทหารอิสราเอลได้ใช้กระสุนจริงยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกประมาณ 1,000 คน จำนวนนี้ประมาณ 300 คน ได้รับบาดเจ็บเพราะถูกยิงโดยทหารอิสราเอล สำหรับตัวเลขความสูญเสียที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากการประท้วงบริเวณพรมแดนอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ที่ 30 มี.ค เพิ่มเป็นอย่างน้อย 29 คน
โดยกองทัพอิสราเอล ยืนยันว่า ผู้ประท้วงบางส่วนพยายามฝ่าแนวรั้วกั้นชายแดนเข้ามายังอิสราเอล ซึ่งการใช้กระสุนจริงเป็นไปตามกฎของการปะทะที่กองทัพอิสราเอลใช้เป็นแนวทางในการรับมือสถานการณ์ประท้วงดังกล่าว
ขณะที่ นายอันโตนิโอ กูเตียเรซ เลขาธิการสหประชาชาติเรียกร้องให้อิสราเอลใช้ความอดทนอดกลั้นและหลีกเลี่ยงการใช้กำลังกับผู้ประท้วง
ขอบคุณภาพจาก AFP