จากกรณีที่สังคมโซเชียลมีเดียเกิดกระแสวิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง หลังผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อ Sukanya Saetiao ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์หลังจากถูกคนขับรถแท็กซี่ทิ้งลงกลางทาง ซึ่งเมื่อตรวจสอบชื่อคนขับหน้ารถกับใบแจ้งจากสนามบินก็ไม่ตรงกัน โดยในคลิปยังเผยเหตุการณ์ภายในรถแท็กซี่ที่ทางคนขับได้อ้างว่าเป็นเทศกาลจึงไม่อยากรับคนไทย นอกจากนี้ ผู้โพสต์ยังระบุด้วยว่าโดยแท็กซี่ทะเบียน ทส-9435 คันดัง ได้ปล่อยให้ลงตรงทางมอเตอร์เวย์ ที่มาจากสนามบินสุวรรณภูมิ สาเหตุเพราะคนขับไม่ยอมกดมิเตอร์แล้ว หากไม่ยอมจ่ายเงิน 500 บาทในราคาเหมา เพื่อไปส่งที่ย่านห้วยขวาง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้โพสต์เกิดความผิดหวังเป็นอย่างมาก ต่อการบริการของรถแท็กซี่ในประเทศไทย
ล่าสุด ตำรวจท่องเที่ยว กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ประจำสนามบินสุวรรณภูมิ สามารถจับกุมแท็กซี่รายนี้ได้แล้ว ทราบซื้อคนขับคือนายบุญช่วย พิมนนท์ อายุ 37 ปี ก่อนตรวจค้นภายในรถพบยาไอซ์ บรรจุในถุงพลาสติกใสจำนวนหนึ่ง พร้อมอุปกรณ์การเสพ จึงได้สอบถามแต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนจนผู้ต้องหายอมสารภาพว่า ยาเสพติดดังกล่าวเป็นของตัวเองจริง แต่ไม่อยากถูกดำเนินคดี พร้อมยื่นข้อเสนอติดสินบนเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท ขณะที่ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาสอบปากคำที่กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว
นายบุญช่วย ให้การรับสารภาพว่า ติดยาไอซ์มานานหลายปีโดยจะต้องเสพทุกวัน ซึ่งจะซื้อมาในราคาถุงละ 200 บาท วันเกิดเหตุมาส่งผู้โดยสารที่สนามบินสุวรณภูมิ ระหว่างจะออกรถ มีเพื่อนแท็กซี่มาชักชวนให้ลงมารับผู้โดยสารด้านล่าง เนื่องจากรถไม่เพียงพอ ตนจึงลงมา จนรับหญิงสาวคนดังกล่าว หลังจากออกจากสนามบินได้เรียกเก็บค่าโดยสารจำนวน 500 บาทจริงเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาล ตามที่ปรากฏในคลิปจริง นายบุญช่วย ยังบอกว่า ในช่วงเทศกาลต่างๆจะใช้วิธีเรียกเหมา โดยไม่กดมิเตอร์ซึ่งแท็กซี่ส่วนใหญ่ที่ตนเคยเห็นมาก็จะเป็นเช่นนี้ทั้งนั้น จึงได้ทำตามกัน ส่วนใบขับขี่หน้ารถที่ไม่ตรงกันเพราะเป็นใบขับขี่คู่กะกันเท่านั้น
ด้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหา คือ ขับรถขณะเสพยาเสพติด, มียาเสพติดไว้ในความครอบครอง,ติดสินบนเจ้าพนักงาน และ ข้อหาไม่ส่งผู้โดยสารให้ถึงจุดหมายปลายทาง ข้อหาไม่ใช้มาตรค่าโดยสาร พร้อมเสนอขนส่งพิจารณายกเลิกใบอนุญาตขับขี่ นำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป