วันนี้ (3 มิ.ย.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีจุดบริการกระจายเพียงพอ และการพัฒนามาถึงจุดที่ใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่ไม่นานเกินไป เมื่อประกอบกับสิทธิพิเศษไม่ว่าจะเป็น ส่วนลดค่าที่จอดรถ และมาตรการลดหย่อนค่าทางด่วน ทำให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เติบโตอย่างมากในทวีปยุโรป สิ่งเหล่านี้เป็นสถานการณ์ที่ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกำลังปรับตัว และสร้างนวัตกรรมให้สอดรับกับทิศทางที่กำลังเกิดขึ้น
โดยมีนักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่ตั้งของ บีเอ็มดับเบิลยู (BMW) ในเมืองมิวนิค ตื่นเต้นกับการทดลองขับ BMW i3 รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มระบบ แม้รถรุ่นนี้จะยังไม่มีวางจำหน่ายหรือผลิตได้ในโรงงานสาขาของประเทศไทย แต่ประธานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยเชื่อว่า รถยนต์ขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าจะเติบโตในไทยต่อเนื่อง ทั้งนี้เฉพาะ บีเอ็มดับเบิลยู บริษัทเดียว ระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายนปีนี้ มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด หรือรถยนต์ที่สามารถเลือกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าหรือน้ำมัน เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 40 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ประเทศไทย บีเอ็มดับเบิลยู มียอดขายรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดมากขึ้นถึง 269 เปอร์เซ็นต์ เมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนี้ไม่เพียงเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่สามารถพัฒนาให้ใช้เวลาการบรรจุไฟเพียงครึ่งหรือหนึ่งชั่วโมง และสามารถยกระดับจากการวิ่งได้ 117 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เมื่อปี 2011 มาเป็นวิ่งได้ 310 กิโลเมตรในปี 2018
อย่างไรก็ตามทั่วโลกยังประกาศนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อเตรียมรับมือกับสภาวะความเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศ รวมถึงไทยที่ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ 20 – 25 เปอร์เซ็นต์ในปี 2030 ด้านรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้านนวัตกรรมฯ บริษัท ปตท.ฯ เชื่อว่า นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในทิศทางนี้ จะเป็นแรงผลักให้การเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันไป พลังงานไฟฟ้า เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ข้อมูลจากการวิเคราะห์ของ ปตท. เชื่อว่า การแข่งขันของบริษัทผลิตรถยนต์ทั่วโลก และความนิยมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จะทำให้ราคาของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า อยู่ในระดับเท่ากับรถยนต์ธรรมดาในปี 2026 และเมื่อถึงเวลานั้น การเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่พลังงานไฟฟ้าจะเป็นอย่างก้าวกระโดด
ไวโรจน์ ศรีสุวรรณ ถ่ายภาพ
พุทธิฉัตร จินดาวงศ์ รายงาน
