“หมอโอ๊ค-โอปอล์-ปานระพี” แจงถูกแอบอ้างหลอกขายสินค้าผ่านเฟซบุ๊ก

วันนี้ (15 มิ.ย.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงผลการปฎิบัติการมี่มีการสนธิกำลังร่วมกันระหว่าง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. กองบังคับการปราบปรามการ กระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ. ร่วมกันตรวจสอบภายในโกดังย่านลาดกระบัง และในอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ รวมทั้งบริษัท ของนายทุนชาวจีนแห่งหนึ่งในพื้นที่ ย่านห้วยขวาง ตรวจยึดสินค้าไม่ได้คุณภาพหลายรายการ เช่น โทรศัพท์มือถือเลียนแบบยี่ห้อดัง แผ่นแปะลดน้ำหนัก เสาอากาศโทรทัศน์ วิดีโอเกมส์ กีต้าร์โปร่ง หมอนยางพารา และสินค้าต่างๆ รวม 14 รายการ จำนวนกว่า 1.2 หมื่นชิ้น 

ขณะที่ก่อนหน้านี้มีดารานักแสดง คนวงการบันเทิงแล้วยังมีกลุ่ม ผู้ประกาศข่าว และบุคคลที่มีชื่อเสียงทางการแพทย์ ถูกนำไปใช้ในการโฆษณา รวมทั้งประชาชนจำนวนมาก เข้ามาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ปอท. ว่าถูกเพจขายสินค้าในเฟซบุ๊กหลอกขายสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ และไม่ตรงกับที่โฆษณา ปอท.รวบรวมข้อมูล พร้อมกับประสานหน่วยงานที่เกี่ยงข้อง คือ ปคบ. และ ปอศ. เพื่อรวมกันสืบสวนจนมีหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายค้น เข้าตรวจค้นโกดังและบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ สามารถยึดของกลาง และควบคุมตัวผู้ดูแลโกดังและบริษัทดังกล่าวได้

โดยที่ผ่านมาได้มีการแอบอ้างนำภาพดารานักแสดงไปลงโฆษณาขายสินค้าลดความอ้วนประเภทแผ่นแปะลดน้ำหนักผ่านทาง www.mqqkv.com/zailaii , www.leekeekulit.com/thxha ฯลฯ รวมทั้งในเพจเฟซบุ๊กด้วย เช่น นพ.สมิทธิ์ อารยะสกุล หรือหมอโอ๊ค, ปาณิสรา อารยะสกุล หรือโอปอล์ และ ดร.ปานระพี รพิพันธุ์ หรือเอิ้น อดีตผู้ประกาศข่าวชื่อดัง เมื่อทราบเรื่องก็ได้มาแจ้งความ เพื่อดำเนินการกับผู้ที่นำภาพของตนเองไปแอบอ้าง เพราะไม่อยากให้มีคนตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อ โดยวันนี้ทั้ง 3 คนก็ได้มาร่วมกันแถลงข่าวการตรวจยึดสินค้าพร้อมชี้แจงว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและรู้เห็นในการหลอกขายสินค้าดังกล่าว นอกจากนี้ยังพบว่ามีการแอบอ้างบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม นำภาพถ่ายมาตัดต่อเพื่อหลอกขายสินค้าผ่านเฟซบุ๊ก ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงได้ตรวจยึดสินค้าดังกล่าวนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า กลุ่มขบวนการนี้มีการวางระบบมาเป็นอย่างดี เชื่อว่าทำเงินจากการหลอกลวงไปได้จำนวนมาก และฝากเตือนประชาชน ต้องใช้วิจารณญาณในการไตร่ตรองให้ดีก่อนซื้อสินค้า ที่มีการโฆษณาเกินจริง

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า นายทุนใหญ่เป็นชาวจีน เพจขายสินค้าเป็นเพจที่อยู่ในต่างประเทศ ที่มาเช่าโกดังเก็บสินค้า โดยมีคนไทยเป็นผู้ดำเนินการตอบคำถามลูกค้า และส่งสินค้า โดยมีการตั้งเป็นศูนย์ปฎิบัติการส่งสินค้าในโกดัง เพราะแต่ละวันมีเหยื่อหลงเชื่อสั่งซื้อสินค้าจำนวนมาก จนบริษัทรับส่งพัสดุชื่อดังต้องมาตั้งจุดรอรับสินค้าที่โกดัง โดยใช้วิธีเก็บเงินปลายทาง แทนการโอนเงิน เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ซึ่งตำรวจจะตรวจสอบว่าบริษัทรับส่งพัสดุดังกล่าวมีส่วนรู้เห็นเป็นใจให้การสนับสนุน กับการกระทำผิดดังกล่าวด้วยหรือไม่ ส่วนการดำเนินคดีกับบริษัทขายสินค้าดังกล่าว เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์  และจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม ซึ่งอยู่ระหว่างขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป