วันนี้(3 ก.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการด่วนที่สุดถึงปลัดกระทรวงเกษตรฯ และอธิบดีทุกกรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงและกรม เรื่องการสำรวจและให้ความช่วยเหลือเกษตรกรพื้นที่ผันน้ำจากถ้ำหลวงขุนน้ำ-นางนอน จ.เชียงราย โดยต้องผันน้ำในถ้ำจนกว่าจะแห้ง เพื่อสนับสนุนภารกิจทีมค้นหา ทั้งนี้ ให้เจ้าหน้าที่ทำความเข้าใจกับเกษตร พร้อมเร่งสำรวจความเสียหายพื้นที่ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ และเยียวยาตามระเบียบผู้ประสบสาธารณภัย คาดว่าจะใช้งบประมาณ 50 ล้านบาท
นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เกษตรจังหวัดเชียงรายลงพื้นที่สำรวจพื้นที่ ใน อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบว่ามีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 3 ตำบล ได้แก่ ต.ศรีเมืองชุม ต.โป่งผา และ ต.บ้านด้าย พบว่า ปัจจุบัน มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำฝนที่ตกสะสมและปริมาณน้ำที่สูบออกลงลำรางสาธารณะ จำนวน 1,397 ไร่ เกษตรกร 101 ราย คิดเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบราว 8.39% เมื่อเทียบกับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไว้ ในฤดูกาลผลิต ปี 60/61 ในพื้นที่ 3 ตำบล 16,646 ไร่ 907 ครัวเรือน
สำหรับการช่วยเหลือหลังน้ำลด กรมส่งเสริมการเกษตร จะลงพื้นที่สำรวจความเสียหายอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งข้าวสามารถทนน้ำท่วมสูงได้ ประมาณ 10-15 วัน หากพบต้นข้าวเสียหาย ผู้ว่าราชการจังหวัดจะประกาศเขตภัยพิบัติ และเกษตรกรจะได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยา ไร่ละ 1,113 บาท รวมไม่เกินรายละ 30 ไร่ ตามระเบียบกระทรวงการคลัง อย่างไรก็ตาม เกษตรกรทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบ ยินดีเป็นพื้นที่รับน้ำ ขอเพียงให้สามารถช่วยเหลือน้องๆ หมูป่าอะคาเดมีทั้ง 13 ชีวิตให้ออกจากถ้ำได้
นายสุรเดช เตียวตระกูล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า เบื้องต้นตนเองได้สั่งสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดเชียงราย ร่วมกับหมอดินอาสาประจำหมู่บ้าน เป็นผู้แทนกรมพัฒนาที่ดิน บูรณาการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานราชการอื่นลงพื้นที่เพื่อสร้างขวัญและให้กำลังใจพี่น้องประชาชนและเกษตรกรที่ได้รับกระทบ