วันนี้ (3 ก.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการตรวจเยี่ยมการทำงานขอเจ้าหน้าที่บริเวณศูนย์ปฏิบัติการ ค้นหาผู้สูญหายทั้ง 13 คน นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า แนวทางการลำเลียงทั้ง 13 คนออกมา ปัจจัยหลักต้องคำนึงถึงระดับน้ำ และสุขภาพของทั้ง 13 คน แต่การคาดหวังการสูบน้ำเพื่อให้ระดับน้ำลดลงคงไม่ได้ เพราะยังมีปริมาณฝนในพื้นที่
โดยส่วนการให้ดำน้ำออกมาโดยใช้อุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจ ขึ้นอยู่กับการประเมินจากหลายฝ่าย หากต้องใช้วิธีดังกล่าว ก็มีทีมของหน่วยซีลคอยดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะไม่ให้เกิดความเสี่ยง ทั้งนี้ได้ประสานครูฝึกดำน้ำซีล สอนดำน้ำเพิ่ม หากแพทย์ประเมินสภาพร่างกาย ว่าใครพร้อมและดำน้ำได้ ทุกอย่างความเสี่ยงเป็นศูนย์ จะให้ทยอยออกมาได้ก่อน
ขณะที่การลำเลียงผู้ที่ติดอยู่ภายในถ้ำทั้ง 13 คน ไปโรงพยาบาลเบื้องต้นยังเป็นแผนเดิมคือใช้ทั้งรถตู้ และเฮลิคอปเตอร์ แต่ทั้งนี้มองว่าการลำเลียงโดยรถตู้ มีความคล่องตัวมากกว่าหากไปยังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เพราะหากใช้เฮลิคอปเตอร์ในการลำเลียงหลัก จะต้องเสียเวลาหลายทอด คือ จากปากถ้ำไปรถ และจากรถต่อไปยังเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งอาจใช้เวลานานมากกว่ารถตู้ ที่สามารถมุ่งตรงไปที่โรงพยาบาลได้ทันที
นอกจากนี้บรรยากาศบริเวณถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ยังสูบน้ำต่อเนื่อง มีข้อมูลการพร่องน้ำจากการสูบน้ำสามารถสูบออกมาได้ 1.6 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนการเจาะน้ำบาลดาล พร่องน้ำได้ 1.8 แสนลิตรต่อ 1 ชั่วโมง รวมพร่องน้ำ 120 ล้านลิตร