“ฝันดี-ฝันเด่น” เล่าประสบการณ์ร่วมค้นหา 13 ชีวิตติดถ้ำหลวง

โดย PPTV Online

เผยแพร่

แม้ในตอนนี้ปฏิบัติการช่วยเหลือ 13 ชีวิตออกจากถ้ำหลวงจะยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เข้ามาช่วยเหลือ ต่างระดมกำลังทุกวิธีในการประเมินสถานการณ์ในการช่วยเหลือให้พวกเขาออกมาภายนอกได้สำเร็จ

วันนี้ ( 6 ก.ค.61) “ฝันดี จรรยาธนากร” อาสากู้ภัยใจถึงใจ เปิดเผยในรายการเป็นเรื่องเป็นข่าว ว่า ตั้งแต่ตอนแรกที่ทราบข่าวภาพในใจที่คิดไว้คือ “เด็กติดถ้ำ” แล้วคงมีน้ำขวางนิดเดียว แต่พอเราติดตามสถานการณ์ของกู้ภัยที่อยู่ในพื้นที่ ก็ประเมินได้ว่าสถานการณ์นี้ไม่ใช่เหตุการณ์ธรรมดาแล้ว เพราะมีการร้องขอความช่วยเหลือ มีการระดมกำลังพล ทั้งนักประดาน้ำ รวมทั้งกู้ภัยบนที่สูง เข้ามาช่วยด้วย เช่นเดียวกับหน่วยงานของรัฐเอง ก็มีการระดมกำลังพล และเครื่องมือเช่นเดียวกัน ในส่วนของอาสากู้ภัยใจถึงใจ ก็ได้มีการพูดคุยกันว่าจะไปช่วยในส่วนที่เราทำได้ เมื่อเราไปถึงได้ประเมินสถานการณ์จากการสอบถาม นักประดาน้ำที่เข้าไปชุดแรก เขาก็เล่าให้เราฟังว่า สถานการณ์ด้านในไม่เหมือนกับที่เราคิด มีทั้งจุดที่ต้องดำน้ำ เดินบนเนิน แล้วก็ต้องมุดเพื่อที่จะไปตามโถงต่างๆ รวมทั้งกระแสน้ำและการมองเห็นที่ไม่ดี จึงต้องมีการร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ รวมทั้งมีการนำอุปกรณ์เพิ่ม จากนั้นก็ได้เข้าไปร่วมกับภารกิจในการค้นหาและกู้ภัย

“สิ่งที่พวกเราทำในวันแรกๆ ในการค้นหาตามจุดต่างๆ แม้บางทีเจอโพรงที่มันตัน ลงไปไม่ได้ ก็จะมีคำถามว่าแล้วพวกคุณลงไปทำไม เราตอบได้ว่าเพราะมันคือความหวัง มันคือการค้นหาในสิ่งที่เรามองไม่เห็น ในแต่ละวันการค้นหาก็ขึ้นอยู่กับภารกิจที่ได้รับมาในแต่ละวัน ว่าจุดนี้เราไปแล้วไปสำรวจแล้ว แล้วประเมินสถานการณ์กันทุกวัน”

เช่นเดียวกับ “ฝันเด่น จรรยาธนากร” อาสากู้ภัยใจถึงใจ อธิบายเสริมว่า หลังจากนั้นจึงมีการเริ่มหาวิธีการอื่นๆ ที่จะสามารถค้นหาได้ ที่ไม่ใช่แค่การเข้าปากถ้ำ การที่จะผ่านเข้าไปโดยที่ไม่ต้องผ่านน้ำ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นมันมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งอุปสรรคที่เกิดจากสภาวะแวดล้อมในพื้นที่ สภาพอากาศ ซึ่งทีมของเราพอไปถึงก็ได้ไปรายงานตัวแล้วศูนย์อำนวยการจะมีการจัดให้ว่า จะให้ไปทำอะไร ก็มีการแบ่งทีมไป แต่ละกลุ่มจะมีผู้เชี่ยวชาญผสมกัน ไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนของการทำงาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และที่สำคัญต้องไม่เป็นการเพิ่มภาระ ไม่กลายเป็นผู้ประสบภัยเสียเอง ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าเด็กอยู่ตรงไหน เดินกันในจุดที่คาดว่าจะมีโพรง เรียกง่ายๆว่าตอนนั้นเหมือนคนตาบอดที่เดินคลำทางไปเรื่อย และทำทุกวิธีทาง

“ในฐานะที่พวกเราได้เคยไปเดิน ได้ไปสัมผัส ตอนนั้นพวกเราเดินอยู่บนความหวัง ตราบใดที่เรายังไม่รู้ว่าน้องเป็นอะไร พวกเราก็ยังมีความหวัง เราคิดเสมอว่าเราจะทำให้ดีที่สุด เราในที่นี่หมายถึงทุกคน จิตอาสา หน่วยงานต่างๆ บางคนถึงเวลาเวรพักก็ยังมาช่วยค้นหา เพราะทุกคนมีความหวัง เราเดินไปตามความหวังว่าอาจได้เจอ แม้จะลงไปในโพรงแล้วเจอทางตัน เพราะคิดว่าถ้าเราเจอเร็วก็ช่วยให้น้องกลับขึ้นมาข้างบนได้เร็ว”

อย่างไรก็ตามทั้งสองคนเชื่อว่า “โพรง” อาจจะเป็นอีกทางเลือกที่ดีที่สุด หลังจากได้ติดตามข่าว รวมทั้งภาพการปฏิบัติงานในถ้ำของซีลแล้ว ค่อนข้างลำบากในการที่จะดำน้ำออกมา รวมทั้งให้เด็กดำน้ำออกมา แต่ตอนนี้คนที่ให้คำตอบได้ดีที่สุดคือคนที่อยู่หน้างาน และเข้าไปถึงตัวเด็ก ซึ่งหน่วยซีล นักดำน้ำผู้เชี่ยวชาญ คือคนที่จะประเมินได้มากที่สุด ตอนนี้ที่เราพูดกันเราคือคนนอก ที่มองเข้าไป และสิ่งที่เป็นห่วงในขณะนี้คือ “ฝน” เพราะฝนตกทำให้เกิดอุปสรรคเพิ่มขึ้นไปอีก

Bottom-AllStar2 Bottom-AllStar2

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ