เปิดใจ! กู้ภัย “อัญวุฒิ” เผยช่วงเหตุการณ์เข้าค้นหา “ทีมหมูป่าติดถ้ำหลวง”

โดย PPTV Online

เผยแพร่

‘อัญวุฒิ โพธิ์อำไพ’ หนึ่งในทีมกู้ภัยร่วมค้นหาทีมหมูป่าอะคาเดมี่ ที่ติดในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน เผยถึงช่วงเหตุการณ์ในขณะเข้าร่วมค้นหา13 ชีวิต บนถ้ำหลวง รวมถึงความมีน้ำใจของประชาชนในพื้นที่ ๆ ช่วยแบ่งปันอาหารและสิ่งของเครื่องใช้ให้กับเจ้าหน้าที่กู้ภัยโดยไม่คิดเงิน

วันนี้ (11 ก.ค.61) นายอัญวุฒิ โพธิ์อำไพ หัวหน้ารถกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู  เปิดเผยขณะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในเหตุการณ์ช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมี่ 13 ชีวิต ในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ผ่านรายการเป็นเรื่องเป็นข่าว ว่า ตอนแรกคิดว่าเป็นแค่ถ้ำ หลายคนไม่ได้คิดถึงระดับน้ำ บางจุดสูงถึง 7-8 เมตร และเส้นทางการดำน้ำบางช่วงมีระยะไกลเป็นทางยาว โดยหลังจากที่เกิดเหตุมาได้ 5 วัน ก็ยังไม่เจอเด็ก เริ่มรู้สึกเป็นกังวลมาก จึงหาข้อมูลเตรียมอุปกรณ์สนับสนุนเจ้าหน้าที่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งได้ข้อมูลมาว่าสิ่งที่จำเป็น คือ ทีมนักประดาน้ำ ทีมกู้ภัยในที่สูงที่ใช้ระบบเชือก และคัดคนที่แข็งแรง เมื่อไปถึงก็ได้รับคำสั่งภารกิจให้ขึ้นไปช่วยเจาะโพรงเหนือถ้ำรวมกับ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ซึ่งตอนแรกคาดการณ์กันว่าเด็กจะอยู่ที่หาดพัทยา ซึ่งวันแรกมีระดับน้ำสูง หน่วยซีลจะเข้าไปค้นหาภายในถ้ำ ส่วนรอบนอกจะมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากทั่วประเทศ ซึ่งตั้งเป็นกองอำนวยการ ให้กู้ภัยทุกคนเข้าไปรายงานตัวว่ามาจากที่ไหน จำนวนกี่คน และมีอุปกรณ์อะไรบ้าง ซึ่งภาระกิจที่สำคัญ คือ มุ่งหาเด็ก

ทั้งนี้ในแต่ละวันจะทำงานเป็นแบบความพยายามร่วม คือ ในถ้ำหน่วยซีลจะทะลุทะลวงเข้าไป เพื่อให้ถึงหาดพัทยาให้ได้ ส่วน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. และกู้ภัยที่ค้นหาบนที่สูง ร่วมกับทางศูนย์ข้อมูลของทหารกระจายไปทั่วเหนือภูเขาตามจุดที่ผู้เชี่ยวชาญให้ข้อมูลว่า เป็นจุดที่คาดว่าสามารถเจาะลงไปทะลุถึงหาดพัทยาได้ ต่อมาไปเจอโพรงหนึ่งที่คาดว่าจะทะลุไปได้ และเจ้าหน้าที่เมื่อลงไปในลักษณะตรงก็จะพบโถง เมื่อเจาะลงไปอีกก็พบโถงถัดไปอีก อยู่เรื่อย ๆ คนที่ลงไปจะใช้อุปกรณ์เจาะแบบแบตเตอรี่มือถือ แต่ว่าของตำรวจจะนำอุปกรณ์มาติดกล้อง ติดไมค์ ให้เจ้าหน้าที่ ๆ ลงไปเจาะสามารถเห็นภาพ ซึ่งทุกทีมมีความพยายามจะทะลวงไปให้ถึงถ้ำ

โดยเจ้าหน้าที่ลงไปโดยใช้ระบบเชือก พอลงไปถึงจุดหนึ่งก็ต้องไปทำระบบ และก็ลงต่อไปอีก แต่ตอนที่เจอโพรงสามารถเจาะลงไปได้ 5 ชั้นแล้ว ทั้ง  ๆ ที่ลงไปแล้วไม่รู้ว่าจะเจออะไร ส่วนเส้นทางการขึ้นภูเขามีระยะทางประมาณ 700-800 เมตร และมีความชัน เมื่อขึ้นไปถึงแล้วก็ส่งพรานลงไปในโพรงประมาณ 40 เมตร จากนั้นส่งนักกู้ภัยลงตามไป เพื่อใช้ระบบเชือกต่อลงไป แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถลงโพรงไปถึงพื้นถ้ำได้ วันที่เจอตัวเด็ก บอกตรง ๆว่า พวกเราเฮ แม้กระทั่งชาวบ้านใน อำเภอแม่สาย เฮกันเสียงดังทั้งเมือง หลังจากนี้ก็พบปัญหาที่ยากกว่าตอนเจอเด็ก แต่ทั้งนี้กู้ภัยจากทั้วประเทศก็ยังไม่ลดละความพยายาม ยังคงทำงานควบคู่กันไป เผื่อแผนหนึ่งล้มเหลวก็จะได้มีแผนสำรอง

“10 กว่าวันที่ ผมอยู่ที่ถ้ำหลวง รู้สึกดีใจ แม้กระทั่งก่อนสูบน้ำ ชาวนาบอกว่าให้สูบเข้าไปได้เลย ทั้ง ๆ ที่เพิ่งกู้หนี้กู้สินมาทำนา แต่พอนึกถึง 13 ชีวิต เขาบอกว่าเต็มที่ ไม่มีใครค้าน มีแต่คนบอกว่าสูบมาเลย สูบเข้ามาได้เต็มที่ทั้งไร่ทั้งนา จมก็ไม่เป็นไร เวลา 10 กว่าวัน เราได้เห็นอะไรมากมาย แม้กระทั่งในตัวเมือง เราลงมาพักไปกินข้าวตามร้านในเมือง เรากินเสร็จร้านค้าไม่เก็บตัง บางคนไม่ได้เป็นเจ้าของร้าน นั่งกินอยู่แล้วก็แอบจ่ายให้ แล้วบอกว่าขอจ่ายให้เพราะเขาอยากให้เข้าไปช่วย ขอบคุณที่มาช่วยคนเชียงราย เขาขอให้พวกเรากินให้อิ่มเพื่อไปมีพลังเข้าไปทำ พวกเราต้องยกมือไหว้บอกไม่เป็นไรเลย ร้านค้าเราอยากให้ลดราคาให้มากกว่าจะให้พวกเรากินฟรีด้วยซ้ำ เราเห็นแบบนี้แม้กระทั่งกองกำลังรองเท้าขาด ไปซื้อรองเท้าเขาไม่เก็บตัง เราบอกให้เก็บให้เอาราคาต้นทุก เขาก็เอาไปซื้อยากันน้ำกัดเท้ามาให้เป็นแพ็ค ๆ เราเห็นตั้งแต่นักดำน้ำต่างชาติที่ส่งกำลังมาช่วย แล้วก็เห็นความพยายามของพี่น้องกู้ชีพ กู้ภัย ปภ. กรมอุทยานฯ ทุกหน่วยกำลังเป็นหมื่นคน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่อยากให้สูญเปล่า ทุกวันนี้เราได้รับข่าวดี ที่ได้รับทั้ง 13 ชีวิตรอดออกมา ถึงแม้จะเสียบุคลากรที่สำคัญไป 1 ท่านก็ตาม ผมอยากให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถอดบทเรียนนี้แบบจริงจัง” หัวหน้ารถกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู กล่าว

ชมรายการเต็ม : “เป็นเรื่องเป็นข่าว” – เบื้องหลังภารกิจ ดำน้ำช่วย “หมูป่า”

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ