วันนี้ (12 ก.ค.61) นายชัยพร ศิริไพบูรณ์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านการประสานงานระหว่างประเทศ กรมทรัพยากรธรณี กล่าวในรายการเป็นเรื่องเป็นข่าว ถึงเหตุการณ์ช่วย 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ว่า เหตุการณ์นี้ทำให้ได้เรียนรู้มากมาย ในแง่ของธรณีวิทยา ถ้ำเกี่ยวข้องกับธรณีวิทยาทั้งหมด ตั้งแต่มีหินปูนอยู่ในทะเลสมัยก่อน และหินแกรนิตยกตัวขึ้นมาเหนือผิวน้ำ แล้วก็เกิดรอยแตกต่าง ๆ ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของการเกิดถ้ำ และน้ำฝนที่มีสภาพความเป็นกรดก็ทำให้เกิดโพรงภายในถ้ำ โดยเฉพาะแนวทิศเหนือ และทิศใต้ที่เป็นโถงหลัก นอกจากนั้นยังมีแนวตัดต่าง ๆ ที่เป็นโถงย่อย จึงทำให้ทราบว่าจะสามารถเข้าไปศึกษาได้อย่างไร รวมถึงน้ำบาดาลในถ้ำก็สำคัญ ซึ่งน้ำที่เข้าไปในถ้ำนั้นทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง ตั้งแต่ฝนตกไหลลงหลังคาถ้ำลงไป และน้ำจากด้านเหนือที่ผ่านถ้ำลงทางใต้ และอีกส่วนหนึ่งทางตะวันตกไหลไปทางตะวันออก ซึ่งมีจุดน้ำมุดต่าง ๆ จำนวนมาก
โดยในตอนแรกทราบว่าน้ำเต็มถ้ำ ก็เริ่มสึกหนักใจ เพราะหน่วยซีลยังต้องถอยออกมา ดังนั้นจึงต้องหารูและหาโพรงให้ได้ ซึ่งช่วงแรกได้วิเคราะห์จากทางธรณีวิทยาเกี่ยวกับถ้ำ หลังจากนั้นทางกรมอุทยานแห่งชาติฯ และหน่วยงานเอกชนต่าง ๆ ก็ระดมกำลังมาช่วยกันสำรวจ แต่เนื่องจากมีข้อจำกัด กรณีถ้ำใหญ่ ๆ ถ้าจะสำรวจละเอียดต้องใช้เวลามาก อย่างถ้ำหลวงถือเป็นถ้ำใหญ่และซับซ้อน เช่น เวลาทำผัง ต้องสำรวจว่าถ้ำมีกี่โถง ยาวเท่าไหร่ วัดระยะ วัดทิศทาง เอียงไปทางไหนกี่องศา และวัดมุมเอียงก้มเงย รวมถึงวัดซ้ายขวาบนล่าง กรณีที่ต้องการละเอียดก็ต้องดูทุกจุดแล้วนำมารวมกัน เพื่อมาวิเคราะห์
ทั้งนี้แผนที่ถ้ำหลวงของนายมาร์ติน เอลลิส นักสำรวจถ้ำชาวอังกฤษ มีประโยชน์มาก แต่อาจจะมีความคลาดเคลื่อนบ้าง เพราะว่าในสมัยก่อนเทคโนโลยีเข็มทิศจะเป็นรุ่นเก่า และการสำรวจครั้งนั้น ผู้สำรวจคงไม่ได้คาดคิดว่าต้องนำมาใช้ในการกู้ภัย และด้วยเวลาที่จำกัด แต่ยังมีประโยชน์ถึงแม้จะไม่ถูกต้อง 100 เปอร์เซ็น โดยมีประโยชน์ในแง่ที่ว่า ถ้าหากเจอโถงนี้โถงต่อไปจะเป็นอย่างไร มีลักษณะเป็นอย่างไร สูงใหญ่ขนาดไหน และแคบขนาดไหน ซึ่งอันนี้มีประโยชน์ต่อการกู้ภัย
ขณะที่ตนไปหาโพรงที่น้ำไหลเข้าถ้ำ เพื่อทำการผันน้ำ ก็ไปพบโพรงหลายสิบแห่ง จึงต้องไปสร้างฝายต่อท่อให้น้ำพ้นจากโพรง โดยวันที่แรกเสร็จ 1 ฝาย แต่วันที่สอง ทางกรมอุทยานฯ ทหาร และชาวบ้าน ระดมกำลังมาช่วยหลายร้อยคน จึงทำให้สร้างฝายเสร็จ 2 ห้วยใหญ่ และฝาย 7 สาย ๆ ละ 300 เมตร ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์มาก เพราะเสร็จภายใน 1-2 วัน เท่า น้ำที่เคยไหลในจุดน้ำมุดก็แห้งสนิท
นอกจากนี้ในช่วงแรกรู้สึกตกใจเรื่องของระดับน้ำ เพราะวันที่ 29 มิ.ย.61 น้ำก็เริ่มไหลออกจากโพรงถ้ำหลวง หลังจากนั้น 2-3วัน เท้าตนก็ไม่เคยแห้ง เพราะเปียกโคลน และน้ำฝนตลอด รวมถึงฝนตกทุกวัน ดังนั้นจึงต้องหาทุกวิถีทางที่ว่าทำอย่างไรที่จะตัดกระแสน้ำ และพยายามสำรวจถ้ำเพิ่มเติมทุกวิธี ทำให้กลายเป็นงานรวมพลของนักฟิสิกส์ และนักธรณีวิทยา ที่มาช่วยกันอย่างดุเดือดแลกเปลี่ยนข้อมูลกันตลอด และช่วยต่อข้อมูลกับส่วนกลาง 24 ชั่วโมง
ชมรายการเต็ม >> เปิดเบื้องหลังความสำเร็จภารกิจพิชิตถ้ำหลวง ช่วย 13 ชีวิตทีมหมูป่า จากนักดำน้ำ และ นักธรณีวิทยาที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จริง!