วันนี้(17 ก.ค.61) กรณีครูออกมาเคลื่อนไหว ประกาศปฏิญญาขอยุติการชำระหนี้ ช.พ.ค. ให้กับธนาคารออมสิน ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ดร.ครรชิต วรรณชา ศึกษาธิการจังหวัดมหาสารคาม แสดงความเห็นกรณีนี้ว่า การที่กลุ่มครูออกมาเคลื่อนไหว ถือเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ แต่ไม่เหมาะสม จากข่าวที่ปรากฏออกไปถือว่าเป็นปฏิญญาเฉยๆ แต่หากไม่ชำระเงินตามสัญญาก็อาจถูกดำเนินคดี และหากศาลสูงสุดพิพากษาว่าเป็นบุคคลล้มละลาย ก็จะขาดคุณสมบัติการเป็นครู จากข้อมูลในจังหวัดมหาสารคาม มีข้าราชการครูมีหนี้อยู่ในภาวะวิกฤตไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการเกษียณ เพราะเงินบำนาญอาจจะน้อย
เช่นเดียวกับ นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุเตือนกลุ่มครูดังกล่าว พร้อมอธิบายว่า การยุติชำระหนี้ อาจส่งผลให้เกิดปัญหาทางกฎหมาย และหากถูกดำเนินคดี และมีคำพิพากษาให้ล้มละลาย จะทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นข้าราชการ ตามมาตรา 30 ของ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครู ซึ่งการถูกสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย จะมีระยะเวลา 3 ปี หรือมากกว่านั้น
ส่วนการแก้ปัญหาเบื้องต้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานจากกระทรวงศึกษาธิการแล้ว เบื้องต้นจะเป็นมาตรการการลดดอกเบี้ย การแก้ไขเรื่องเงินประกันชีวิต เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งบุคลากรทางการศึกษาส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับแนวทางนี้
ขณะที่ นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน บอกว่า ก่อนหน้านี้ธนาคารมีมาตรการดูแลบุคลากรครู ที่อยู่ในโครงการ ช.พ.ค. ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้ที่ดี มีวินัย ส่งชำระตรงเวลา ซึ่งคิดเป็นเม็ดเงินประมาณปีละ 8,000-10,000 บาทต่อคน รวมประมาณ 2,500 ล้านบาทต่อปี
มาตรการนี้ยังครอบคลุมไปถึงครูที่สมัครใจมาปรับโครงสร้างหนี้เพื่อแปลงหนี้เสียเป็นหนี้ดีอีกด้วย โดยธนาคารออมสินเพิ่งเริ่มดำเนินการลดอัตราดอกเบี้ยตามข้อตกลงใหม่นี้ ให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการลดอัตราดอกเบี้ยจำนวนกว่า 400,000 คน ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังปรับโครงสร้างหนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อช่วยลดภาระและสามารถกลับมาเป็นหนี้ปกติได้อีกผ่านโครงการพักชำระเงินต้นไม่เกิน 3 ปี โดยเปิดโอกาสให้ลูกหนี้สามารถติดต่อปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้ที่สาขาที่ยื่นกู้ เพื่อแบ่งเบาภาระการผ่อนชำระ ส่วนกระแสข่าวการรวมตัวไม่ชำระหนี้ที่เกิดขึ้น ธนาคารได้มีการประสานกับกระทรวงศึกษาธิการอย่างใกล้ชิด