คนที่อ้างว่าค้นพบแหล่งเพชรปริมาณมหาศาลนี้คือ ศาสตราจารย์ ”อูลริช เฟาล์”(Ulrich Faul) นักวิจัยวิทยาศาสตร์แห่งสถาบัน”เอ็มไอที” (MIT) ของสหรัฐฯ ที่อธิบายขั้นตอนของการค้นพบครั้งนี้ไว้ว่า เพชรมีคุณสมบัติที่แตกต่างหิน ,สินแร่ หรือหินมีค่าอื่นๆ ตรงที่คลื่นเสียงสามารถเดินทางผ่านได้อย่างรวดเร็ว โดยมีความเร็วมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับการเดินทางของเสียงผ่านวัตถุอื่นๆ ที่อยู่ใต้พื้นโลก
ซึ่งจากการส่งคลื่นเสียงผ่านชั้นใต้ดินลงไป พอถึงพื้นที่ที่เรียกว่า “เครโทนิก รูท”(Cratonic root) คลื่นเสียงจะเดินทางด้วยความรวดเร็วทันที
สำหรับเจ้า “เครโทนิก รูท”นี้ เป็นส่วนของหินที่เก่าแก่ที่สุดใต้พื้นโลก มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับภูเขากลับหัว และอยู่ใต้พื้นโลกได้ลึกถึง 320 กิโลเมตร และเจ้า “เครโทนิก รูท” นี่เอง ที่มีเพชรเป็นส่วนประกอบอยู่ โดยร้อยละ 2 ของเครโทนิกนี้ คือเพชรบริสุทธิ์ ที่คาดว่าจะมีน้ำหนักรวมถึง 1 พันล้านล้านตัน แต่ด้วยความที่มันอยู่ลึกลงไปใต้พื้นพิภพ 160 ไปจนถึง 320 กิโลเมตร จึงเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์เราจะใช้เครื่องมือขุดลงไปจนถึงชั้นหินที่ลึกขนาดนั้น เพราะเครื่องขุดเจาะ ที่สามารถขุดพื้นโลกได้ลึกที่สุด เท่าที่มนุษย์เคยสร้างขึ้นมา ซึ่งมีชื่อว่า “โคล่า ซูเปอร์ดีป บอร์โฮล” สามารถเจาะพื้นหินลงไปได้เพียง 12 กิโลเมตร โดยเจ้าเครื่องที่ว่านี้เป็นของรัสเซีย แต่ถูกทิ้งร้างไว้นับตั้งแต่การล่มสลายของอดีตสหภาพโซเวียตเมื่อมศวรรษที่ 1990