พายุไต้ฝุ่น “อ็อมปึล” พายุไต้ฝุ่นลูกที่ 10 ของปี พัดถล่มนครเซี่ยงไฮ้ และพื้นที่ทางภาคตะวันออกของจีนตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ ส่งผลให้ทางการท้องถิ่นต้องใช้มาตรการเตรียมพร้อมรับมือ อาทิ สั่งอพยพประชาชน 190,000 คน ที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งไปยังที่ปลอดภัย เรียกเรือกว่า 1,600 ลำกลับเข้าฝั่ง และสั่งเสริมความแข็งแรงให้กับต้นไม้เกือบ 5 หมื่นต้นในพื้นที่ ป้องกันถูกลมพัดหักโค่น
ขณะที่บรรดาสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม อาทิ เซี่ยงไฮ้ ดิสนีย์ รีสอร์ท ประกาศให้บริการตามปกติ แต่จะงดกิจกรรมและการแสดงกลางแจ้งเป็นการชั่วคราว ส่วนอาคารเซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในจีน ได้ระงับบริการชมวิวบนยอดตึก
จนถึงขณะนี้ มีรายงานเที่ยวบินถูกยกเลิกแล้วมากกว่า 700 เที่ยวบิน เช่นเดียวกับบริการรถไฟความเร็วสูงในพื้นที่ ก็ได้รับผลกระทบจากพายุเช่นกัน ล่าสุด ทางการได้ยกเลิกประกาศเตือนภัยระดับสีส้ม เนื่องจากพายุเริ่มอ่อนกำลังลงแล้ว แต่คาดว่าจะยังทำให้มีฝนตกหนักต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ทางภาคเหนือของประเทศเวียดนาม ยังได้รับความเสียหายจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “เซินติญ” ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนกว่า 5 พันหลังจมอยู่ใต้น้ำ ขณะที่หน่วยงานราชการท้องถิ่น ส่งเจ้าหน้าที่ออกค้นหาผู้สูญหาย รวมถึงช่วยเหลือประชาชนอพยพออกจากพื้นที่น้ำท่วมและดินถล่ม ล่าสุด รัฐบาลเวียดนามยืนยันยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 32 คน บาดเจ็บ 14 คน และยังสูญหายอีก 17 คน
แม้ว่าพายุจะอ่อนกำลังลงแล้ว แต่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของเวียดนามรายงานว่า จะยังคงมีฝนตกหนักต่อเนื่องจนถึงวันอังคารนี้ พร้อมกับประกาศเตือนประชาชนให้เตรียมรับมือกับกระแสลมที่มีความเร็วถึง 52 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ส่วนที่ประเทศญี่ปุ่น ก็ยังคงเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดเกือบทั่วทั้งประเทศ อุณหภูมิเฉลี่ยในหลายพื้นที่ยังคงไม่ต่ำกว่า 35 องศาเซลเซียส โดยที่จังหวัดมิเอะ วัดอุณหภูมิเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ 36.3 องศาเซลเซียส ที่จังหวัดกิฟุ อุณหภูมิอยู่ที่ 35.5 องศาเซลเซียส ส่วนกรุงโตเกียว อุณหภูมิอยู่ที่ 33.5 องศาเซลเซียส และคาดว่าอุณหภูมิจะสูงขึ้นอีกในช่วงเที่ยงและบ่าย
จนถึงขณะนี้ มีประชาชนอย่างน้อย 110 ล้านคนทั่วประเทศ ได้รับผลกระทบจากคลื่นความร้อนครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 30 คน และอีกนับหมื่นคนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล