ชาวกัมพูชาผู้มีสิทธิเลือกตั้งทยอยออกไปใช้สิทธิลงคะแนนกันตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะรัฐบาลสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ที่ออกมาประณามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นจุดจบของประชาธิปไตย และกัมพูชากำลังจะกลายเป็นประเทศที่ปกครองแบบเผด็จการพรรคเดียว หลังจากเมื่อปีที่แล้ว ศาลกัมพูชามีคำสั่งยุบพรรคฝ่ายค้านหลักอย่าง CNRP ทำให้สมเด็จ ฮุน เซน ซึ่งอยู่ในอำนาจมานานกว่า 33 ปี ไร้คู่แข่งสำคัญ และน่าจะคว้าชัยชนะอีกสมัยได้อย่างไม่ยากเย็น เนื่องจากอีก 19 พรรคที่เหลือเป็นเพียงพรรคเล็กพรรคน้อยเท่านั้น
ขณะเดียวกัน คณะผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งครั้งนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นพันธมิตรของสมเด็จ ฮุน เซน โดยในจำนวนองค์กรในประเทศทั้งหมด 107 องค์กรที่ลงทะเบียนขอตรวจสอบการเลือกตั้ง เกือบครึ่งหนึ่งมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มที่ลูกชายของสมเด็จ ฮุน เซน เป็นหัวหน้ากลุ่ม
นอกจากนี้ ก่อนหน้าวันเลือกตั้งใหญ่ไม่นาน รัฐบาลยังได้สั่งให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศ บล็อกเว็บไซต์ของสื่อต่างชาติ สำนักข่าวอิสระ รวมถึงสื่อฝั่งตรงข้าม อาทิ เรดิโอ ฟรี เอเชีย วอยซ์ ออฟ อเมริกา และวอยซ์ ออฟ เดโมเครซี อีกด้วย โดยฝั่งพรรค CNRP แม้จะถูกตัดสิทธิทางการเมือง แต่ก็มีความพยายามเคลื่อนไหว เรียกร้องให้ประชาชนที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลบอยคอตต์การเลือกตั้ง เพื่อเป็นการประท้วง โดยพวกเขาเชื่อว่าหากจำนวนผู้มาใช้สิทธิน้อย ก็จะทำให้การเลือกตั้งไม่มีความชอบธรรม
ด้านรัฐบาลพยายามกดดันให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยมีการข่มขู่ว่า การคว่ำบาตรการเลือกตั้งเป็นสิ่งผิดกฎหมาย คนที่ไม่ไปใช้สิทธิจะไม่ได้รับสิทธิในการเข้าถึงบริการของรัฐ และอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยอาจใช้วิธีให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นลงไปตรวจหมึกที่เปื้อนนิ้ว เพื่อคัดกรองผู้ที่ไม่ไปลงคะแนน สำหรับหน่วยลงคะแนนกว่า 22,000 ทั่วประเทศ จะปิดให้ลงคะแนนในช่วงบ่าย 3 โมงเย็น จากนั้นจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการนับคะแนน และคาดว่าจะมีการประกาศผลคะแนนเบื้องต้นในช่วงเย็นวันนี้