“ศรีวราห์” ยืนยันเดินหน้า “คดีน้องหญิง” ไม่ละเว้นคนทำผิด


โดย PPTV Online

เผยแพร่




การเสียชีวิตของน.ส.นรีกานต์ ยาวิราช หรือ หญิง แม้จะมีความคืบหน้าไปมากจนตำรวจมั่นใจว่าเป็นคดีฆาตกรรม แต่การต่อสู้ขณะนี้คือการพยายามขอให้โอนย้ายคดีไปให้กองปราบปรามดำเนินการ เพราะ ครอบครัวไม่เชื่อมั่นการทำงานของท้องที่ ด้านพล.ต.อ.ศรีวราห์ ยืนยันไม่มีการละเว้นคนผิด

วันนี้ (2 ส.ค.61) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยในรายการเป็นเรื่องเป็นข่าวว่า หลักฐานที่ทำให้เชื่อว่าคดีนี้เป็นคดีฆาตกรรม คือคำยืนยันจากแพทย์ จากกะโหลกศีรษะที่แตกเกิดจากสิ่งที่คนอื่นทำ ไม่ใช่สิ่งที่น้องหญิงทำตัวเอง รอยลักษณะแตกเป็นใยแมงมุม ไม่ได้เป็นเส้น และรอยเขียวช้ำที่กะโหลกศีรษะด้านขวา ตอนนั้นอยู่กับนายอ๊อฟ แค่สองคน โดยพยานแวดล้อมจากปั๊มน้ำมัน ถึงโรงพยาบาล ประกอบกับไทม์ไลน์ของจีพีเอสในโทรศัพท์มือถือและจีพีเอสบนรถ เขาก็อยู่กันสองคน แล้วน้องหญิงทำตัวเองตายไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นฆาตกรรม

ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ตำรวจในพื้นที่ไม่ได้บอกเป็นฆาตกรรม เนื่องจากอาจจะสอบแพทย์ไม่ชัดเจน พอสอบแพทย์ชัดเจนมันจะเห็นร่องรอยของกะโหลกศีรษะเกิดจากอะไร ส่วนอาวุธที่เป็นของกลางตอนนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม แต่สิ่งที่สรุปได้คือ ตายผิดธรรมชาติแน่นอน และทำตัวเองตายไม่ได้ มีผู้อื่นทำให้ตาย รอยแผลของน้องหญิงนั้นเป็นรอยกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร

ขณะที่ตอนเกิดเหตุคาดว่ามีการใช้อาวุธ นอกจากรอยแตกที่เป็นใยแมงมุมแล้ว ก็มีรอยแตกด้านข้างที่กกหูขึ้นไปถึงส่วนบนที่กะโหลกศีรษะที่เป็นส่วนที่หนา ต้องมีแรงกระแทกอย่างรุนแรง แพทย์ก็บอกว่าไม่ใช่การตกรถ ตอนนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้ามาก็ขอความกรุณาขอความเห็นของแพทย์ก่อนเบื้องต้น ก่อนที่หนังสือรายงานจะออกมา ตอนนี้เราต้องดำเนินการว่าใครทำให้ตายก่อน ส่วนการล่อลวงนั้นอยู่ระหว่างการขยายผล ตอนนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ ตอนนี้ได้แจ้งข้อหานายอ๊อฟในข้อหาฆาตกรรม ส่วน “เป็ด” นั้นโดนข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขัง ส่วนคนอื่นๆจะมีการขยายผลไปตามหลักฐาน ยืนยันว่าทำไปตามกบิลบ้าน กบิลเมือง ไม่มีนอกไม่มีใน เบื้องต้นทราบว่ารู้เห็นในการหน่วงเหนี่ยวกักขัง แต่จะรู้เห็นในการฆาตกรรมหรือไม่นั้นยังตอบไม่ได้

ด้านตำรวจพื้นที่ที่บกพร่องต่อหน้าที่ก็มีการตั้งคณะกรรมการสอบแล้ว ใช้เวลาในการสอบสวนประมาณ 1 เดือน ส่วนโทษถ้าบกพร่องอย่างร้ายแรงมีโทษไล่ออก ส่วนเรื่องที่มีการจ่ายเงินให้ตำวจ 3 แสนบาทนั้นทางตำรวจอยุธยาก็มีการสั่งตั้งกรรมการสอบสวนขึ้นมาอีกชุดหนึ่งนอกเหลือจากสอบสวนบกพร่อง ว่ามีการทุจริตไหม ถ้ามีก็ผิดกฎหมายอาญาด้วย ยืนยันว่าไม่มีการละเว้น

ขณะที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม  ระบุว่า ตอนนี้ยังไม่เชื่อมั่นการทำงานของตำรวจพระนครศรีอยุธยา เพราะทุกวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าจุดเกิดเหตุอยู่ที่ไหน ซึ่งเป็นสาระสำคัญในคดี และเราเห็นภาพ ผกก.สภ.บางปะอินกับพวกที่ถูกคำสั่งของผู้การฯพระนครศรีอยุธยา ย้ายไปที่ศปก. แต่เจอภาพที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ของกระทรวงยุติธรรม และไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งยังเห็นภาพการนั่งทำงานอยู่ที่ สภ.บางปะอิน และการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ ที่สภ.บางปะอินด้วย เท่ากับว่าขัดคำสั่งของผู้การฯอยุยา ยังไปวุ่นวายกับคดี จึงไม่เชื่อมั่นการทำงานตำรวจชุดนี้ที่อยุธยา ตอนนี้เราได้ร้องให้ตำรวจกองปราบปรามเป็นคนทำคดีแล้ว และขอให้เป็นชุดสืบสวนสอบสวนที่เป็นกลาง ได้รับเบาะแสการเรียกรับผลประโยชน์ของคนปากคน มันเกิดความไม่โปร่งใสตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. จนถึง 27 ก.ค. โดยข้อหาที่เราแจ้งเขาคือฆ่าคนตายโดยเจตนา แล้วเพิ่งมารับคดีในวันที่ 28 ก.ค. หากรายละเอียดพวกนี้ไม่ชัดเจนคนร้ายก็อาจจะหลุดได้ ส่วนกรณีที่พล.ต.อ.ศรีวราห์ลงไปดูคดีนี้เราต้องขอขอบคุณ และเชื่อมั่นท่าน แต่อย่าลืมว่าท่านไม่ได้ดูทุกขั้นตอน และได้แต่งตั้งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ไปดูแลหากพูดตรงๆแล้ว ผกก.สภ.บางปะอินเป็นคนสนิทของท่าน ทางเราและครอบครัวอยากให้ตำรวจกองปราบปรามเป็นคนทำคดี



“พรุ่งนี้เราจะนำศพน้องหญิงของจริงครั้งนี้ไม่ใช่โลงเปล่าไปหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมจะยื่นหลักฐานให้ผู้บัญชาการฯ ให้มารับเรื่องว่าเรามีหลักฐานอะไรบ้าง มีใครรายงานอะไรที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงบ้าง ทำไมต้องช่วย ผกก.สภ.บางปะอิน ทำไมถึงไม่เกรงกลัวคำสั่งผู้การฯอยุธยา เพราะตอนนี้มีการพยายามทำคดีจากฆาตกรรมเป็นอุบัติเหตุ ถ้าเขาทำคดีจริงๆพยานหลักฐานในรถเทรลเลอร์มันจะไม่เป็นแบบนี้”

ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม  กล่าวว่า การปล่อยให้คนพวกนี้มายุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และสำนวนมันจะมีผลต่อการตั้งกรรมการสอบวินัย แล้วก็สอบข้อเท็จจริง มันทำให้เห็นว่ามีการช่วยเหลือผกก.สภ.บางปะอินกับพวกให้พ้นผิดในครั้งนี้ เมื่อตำรวจแบบนี้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แล้วยังมีผู้ใหญ่ในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้การช่วยเหลือ แล้วอีกหน่อยประชาชนจะขอความเป็นธรรมที่ไหน อยากจะถามระดับผู้กำกับ รองผู้กำกับ แค่นี้จะดูไม่ออกหรือว่าเป็นคดีฆาตกรรม แล้วก็มีคนมาแจ้งเบาะแสว่ามีการนำเงิน 3 แสนมาให้แถวๆบางปะอินเพื่อให้เปลี่ยนจากคดีฆาตกรรมเป็นอุบัติเหตุ เพื่อให้รถเทรลเลอร์เป็นผู้จ่ายประกันค่าสินไหม  

 

ชมคลิปที่นี่.. "อัจฉริยะ" นำศพ "น้องหญิง" ไป "ภาค1" พรุ่งนี้ หลังพบ ตร.ถูกตั้งกก.สอบ จุ้นหลักฐาน

 

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ