วันนี้ (8 ส.ค.61) เวลา 09.50 น. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาจอมเทียน ลงพื้นที่ลานจอดรถตรงข้ามวัดเขาชีจรรย์ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อจำลองเหตุการณ์และทำแผนประกอบคำให้การคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือ “น้องสปาย” อายุ 20 ปี และนายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือ “น้องฟอส” อายุ 21 ปี เสียชีวิต
สำหรับการทำแผนวันนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่สามารถจับกุม นายณรงค์ วรินทรเวช หรือ นายบ่าว มือปืนร่วมสังหารเหยื่อ ได้ที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อคืนที่ผ่านมาและได้มีการสอบสวนเพิ่มเติม โดยนายบ่าว ผู้ต้องหา ได้พาดพิงถึง “เสี่ยอ้วน” ด้วยว่าระหว่างเกิดเหตุ สังเกตอารมณ์ของเสี่ยอ้วนว่ามีความโกรธแค้นผู้ตายอย่างรุนแรง ก่อนนำปืน 2 กระบอกจ่อยิงผู้ตาย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ใช้วิธีจำลองเหตุการณ์บริเวณลานจอดรถตรงข้ามวัดเขาชีจรรย์ โดยให้นายณรงค์ วรินทรเวช หรือ “บ่าว” มือปืนยิง “สปายและฟอส” ผู้ต้องหาตามหมายจับลงมาจากรถตู้เพื่อชี้จุดเกิดเหตุและถือปืนเล่าลักษณะเหตุการณ์
พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า “นายบ่าว” อ้างว่า ถูกเสี่ยอ้วนจ้างวานด้วยเงิน 50,000 บาท และการก่อเหตุเสี่ยอ้วนเป็นคนใช้ปืน 2 กระบอกยิงไปที่น้องสปาย ก่อนผู้ตายจะล้มลงเสียชีวิตที่พื้นบริเวณลานจอดรถตรงข้ามวัดเขาชีจรรย์
ด้านผู้ต้องหาตามหมายจับที่ยังเหลืออยู่คือ เสี่ยอ้วน ซึ่งยังไม่มีรายงานมอบตัวหรือจับกุม เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการตามตัวและประสานกับทุกหน่วยงานรวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน หลังมีข่าวว่าเสี่ยอ้วนหลบหนีไปยังประเทศกัมพูชา ขณะนี้รู้พิกัดแล้วว่าอยู่จุดไหน ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องขอเก็บรายละเอียดการสืบสวนบางอย่างไว้ก่อนเนื่องจากอาจกระทบต่อการดำเนินการ แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด
รองผบ.ตร. ระบุว่า พึงพอใจกับการทำงานตอนนี้ เพราะได้ตัวผู้ต้องหามาเกือบทั้งหมดแล้ว ถือว่าบรรลุเป้าหมายพอสมควร พร้อมให้ความมั่นใจว่า ปฏิบัติการครั้งนี้มีการสั่งการอย่างจริงจัง ไม่ปล่อยแน่นอน เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ ประชาชนให้ความสนใจ และมีคำกำชับจากรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ และจากผบ.ตร. ให้ดำเนินการอย่างจริงจังและรวดเร็ว หลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะดำเนินการทำแผนประกอบต่อไป วอนประชาชนหากมีเบาะแสให้แจ้งเข้ามาเพื่อให้การจับกุมตัวเสี่ยอ้วนทำได้เร็วขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรถทั้ง 3 คันที่เห็นอยู่นี้ คือ รถของกลุ่ม “เสี่ยอ้วน” และรถของ “สปายและฟอส” เจ้าหน้าที่จอดตามตำแหน่งที่ “นายบ่าว” อ้างว่าวางแผนจอดรถในลักษณะนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ “สปายและฟอส” หลบหนี โดยรถคันหนึ่งจอดขวางเอาไว้ ส่วนรถอีกคัน เสี่ยอ้วนกับบ่าวนั่งมาด้วยกัน ก่อนใช้ปืนยิงทั้งคู่
สำหรับข้อหานั้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน, พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต
อ่านข่าว : ย้อนคดียิง “น้องสปาย-ฟอส” หน้าเขาชีจรรย์