วานนี้ (2 ก.ย.61) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายศุภชัย ภู่งาม องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชา นุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญสิ่งของพระราชทาน มอบแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อำเภอท่าอุเทน และ อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม จำนวนรวมทั้งสิ้น 600 ชุด
ด้วยจังหวัดนครพนม มีสภาพพื้นที่ชายแดนติดกับลำน้ำโขง มีความยาว 174 กม. ประกอบกับลำน้ำสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขงจำนวน 6 ลุ่มน้ำ ช่วงเดือน ก.ค.ถึง เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ จนต้องประกาศเป็นเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติทั้งสิ้น จำนวน 12 อำเภอ
ปัจจุบันจังหวัดนครพนมยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมอยู่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบ้านแพง, ศรีสงคราม, นาทม, นาหว้า, ท่าอุเทน, อ.เมืองนครพนม, และธาตุพนม สำหรับพิธีมอบสิ่งของพระราชทานในครั้งนี้ เป็นการมอบให้แก่ประชาชนที่ประสบภัยในพื้นที่ อำเภอท่าอุเทน และ อำเภอบ้านแพง รวมทั้งสิ้น 600 ชุด พร้อมกับพระราชทานอาหาร ให้แก่ผู้มารับสิ่งของพระราชทานในครั้งนี้ทุกคน ซึ่งนำมาซึ่งความปลาบปลื้มและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาว จังหวัดนครพนม และนับเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจอย่างสูงสุด ให้กับประชาชนชาว จังหวัดนครพนม เป็นล้นพ้น
ด้าน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยสถานการณ์น้ำในหลายพื้นที่ หลังฝนตกต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนหลายแห่งเพิ่มขึ้น ทำให้ทางการต้องเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อนเป็นการด่วน เพื่อเตรียมรองรับน้ำที่จะไหลเข้ามาสมทบอีก
ขณะที่จังหวัดหนองคาย น้ำโขงขึ้นไม่หยุด หลายหน่วยงานปรับแผนรับมือน้ำโขงล้นตลิ่งในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย ทั้งวางกระสอบทรายตลอดแนวตลิ่ง เพื่อปิดทางแยกตามซอยต่าง ๆ ในขณะที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณาภัย เปลี่ยนเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพสูงแทนเครื่องเดิม เพื่อเร่งระบายสูบน้ำโขงที่ซึมเข้ามาตามรอยต่อและรอยแยกของเขื่อนป้องกันตลิ่งไม่ให้ไหลตามท่อระบายน้ำเข้าไปพื้นที่ตอนใน
ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาน้ำเพิ่มขึ้นหลังน้ำเหนือไหลหลาก กรมชลประทานใช้ระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่ง รับน้ำบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยาอย่างเต็มศักยภาพ ช่วยลดน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ลดผลกระทบพื้นที่ตอนล่างให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม จากการคาดการณ์ฝน 3 วันล่วงหน้าของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าทั่วประเทศจะมีปริมาณฝนตกน้อยลง ซึ่งจะส่งผลให้น้ำท่าที่ไหลลงอ่างเก็บน้ำขนาดกลางมีปริมาณน้อยลงตามไปด้วย ทั้งนี้ กรมชลประทาน จะบริหารจัดการน้ำในอ่างขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำน้อยกว่าร้อยละ 30 ของความจุอ่างฯ อย่างรัดกุมและเคร่งครัด ด้วยการระบายน้ำเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำเกินร้อยละ 80-100 ของความจุอ่างฯ และอ่างเก็บน้ำที่มีน้ำเกินเกณฑ์ควบคุมจะพิจารณาเร่งระบายให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >> //www.pptvhd36.com/special/ข่าววันนี้