เมื่อวานนี้ (26 พ.ย.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สน.คันนายาว นายบุญเลิศ กาฬภักดี นายกองค์การบริหาส่วนตำบลสุขเดือนห้า อำเภอเนินขาม จังหวัดชัยนาท และนายสงัด กีรติกุลธนาวัฒน์ เดินทางเข้าไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังนายสุรัตน์ แผ้วเกตุ ออกมาเรี่ยไรเงินไถ่ตัวควาย ชื่อ เจ้าทองคำ กลับคืนมาในราคา 100,000 บาท โดบมีผู้คนจำนวนมากต่างพากันช่วยเหลือ แต่ภายหลังพบพิรุธ คือ ไม่พบตัวเจ้าของควายทองคำ และไม่พบตัวคนซื้อด้วย แต่กลับพบว่าควายตัวดังกล่าวเป็นของนายก อบต.สุขเดือนห้า และยังไม่ได้ขายเจ้าทองคำให้ใคร
นายบุญเลิศ เปิดเผยว่า ตนชอบเลี้ยงวัวควาย และชอบไปไถ่ชีวิตมาจากที่ต่าง ๆ ซึ่งควายตัวดังกล่าวก็เลี้ยงมาตั้งแต่อายุ 1 ปี ตั้งชื่อว่า เก้า ต่อมาเห็นว่าพื้นที่ที่เลี้ยงคับแคบจึงนำควายตัวดังกล่าวไปฝากให้นายสุรัตน์ เลี้ยงตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา โดยให้ค่าเลี้ยงเดือนละ 200 บาท ซึ่งนายสุรัตน์ได้ขอนำควายตัวดังกล่าวไปผสมพันธุ์กับควายตัวเมียที่เลี้ยงไว้อีก 2 ตัว จากนั้นนายสุรัตน์ได้ถ่ายภาพควายของตนเองลงในโซเชียลจนกลายเป็นกระแสโด่งดังเรื่องควายยิ้ม ซึ่งนายสุรัตน์ เปิดเผยกับสื่อมวลชน และชาวบ้านว่าควายตัวดังกล่าวชื่อ ทองคำ และแอบอ้างว่าเป็นควายของตัวเองทั้งที่ตนยังไม่ได้มีการตกลงซื้อขายควายตัวดังกล่าวให้
ทั้งนี้ นายบุญเลิศ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ควายยิ้มดัง แล้วมีเพื่อนที่อยู่ปศุสัตว์จังหวัดมาเตือนว่าพื้นที่เลี้ยงควายของนายสุรัตน์ ไม่เหมาะสมตนจึงไปตรวจสอบสถานที่เลี้ยงเห็นว่าเป็นพื้นที่โล่ง และตอนกลางคืนไม่มีคนเฝ้าเกรงว่าควายจะหายได้ ตนจึงบอกว่ากับนายสุรัตน์ ว่าจะนำควายไปขายให้ฟาร์มควายไทย แต่นายสุรัตน์ ขอซื้อควายตัวดังกล่าวในราคา 100,000 บาท แต่ขอเวลาอีกหน่อยตนจึงตกลงยินยอมขายให้ จากนั้นผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ นายสุรัตน์นำเงินมามอบให้โดยเพื่อนคนสนิทของตนเป็นผู้รับเงินแทน แต่ตนมาทราบภายหลังว่านายสุรัตน์ ไปขอเรี่ยไรเงินไถ่ชีวิตควายตนจึงรู้สึกไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงแสดงความบริสุทธิ์นำเงิน 100,000 บาท มามอบให้พนักงานสอบสวน สน.คันนายาว หากผู้บริจาครายใดอยากได้เงินคืนก็สามารถมารับคืนได้ที่ สน. คันนายาว ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรี่ยไรเงินดังกล่าว
ด้านนายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความ กล่าวว่า เป็นหนึ่งในผู้ที่บริจาคเงินให้กับนายสุรัตน์ เพื่อไปไถ่ชีวิตเจ้าทองคำด้วยการโอนเงินผ่านธนาคารกรุงไทย สาขาคลองสามวา พื้นที่ สน.คันนายาว ต่อมาเห็นว่ามีคนร่วมบริจาคเป็นจำนวนมาก เลยอยากทราบว่าเจ้าของควายเป็นใค รจึงตรวจสอบพบว่านายบุญเลิศ นายก อบต.สุขเดือนห้า เป็นเจ้าของควาย และทราบมาว่านายสุรัตน์ เรี่ยไรเงินจากประชาชนโดยหลอกว่าควายจะถูกขายโดยใช้คำว่า ไถ่ชีวิต จึงคิดว่าเป็นการฉ้อโกงประชาชน และหลอกลวง จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดี ในข้อหาฉ้อโกง และความผิดตาม พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ พระราชบัญญัติการเรี่ยไร และฟอกเงิน มีพยานเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว 4 ปาก
ล่าสุดผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านของนายสุรัตน์ แผ้วเกตุ พบว่ามีสีหน้าเคร่งเครียด ยิ้มไม่ออก พร้อมระบุว่า เพราะข่าวที่ออกมา มีคนในโซเชียลรุมต่อว่า และประจานตนในทางที่เสียหายจำนวนมาก หลายคนไม่ได้ฟังความจริงจากปากตน ตนนั้นเพียงแค่อยากอนุรักษ์ควายไทยให้อยู่คู่คนไทย สร้างรอยยิ้มให้คนทั่วประเทศต่อไปเหมือน ๆ ที่เคยทำมาตลอด ไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลายขนาดนี้ ตอนนี้สภาพจิตใจย่ำแย่มาก
นายสุรัตน์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าวได้ทำการติดต่อทางโทรศัพท์ กับนายบุญเลิศ นายก อบต.สุขเดือนห้า ก่อนที่จะรวบรวมเงินได้ เพื่อสอบถามข้อมูล ทราบว่า นายกฯจะขายควายในราคา 100,000 บาท เพราะซื้อมา 80,000 บาท ควายสองตัวที่เป็นตัวเมียก็บอกขายไปแล้ว เดี๋ยวมีคนมารับไป ส่วนทองคำ นายสุรัตน์ บอกจะซื้อไว้ จึงให้โอกาสหาเงิน ยังไม่ได้รีบร้อนขายไป มีคนมาถามซื้ออยู่ตลอด เพราะไม่ได้บอกขาย เอาไว้มาทำพันธุ์
“จริงแล้ว ๆ ผม ไม่เคยคิดอยากจะได้ตังตรงนี้มาเป็นของตัวเองเลย เพราะเพื่อน ๆ ให้กำลังใจมาบอกว่า อยากให้ผมซื้อทองคำไว้ที่นี่ อยากให้ผมดูแล และสร้างรอยยิ้มมาตลอด ผมก็รู้ขั้นตอนชี้แจงในการซื้อ แล้วส่งมอบให้เงินท่านนายกแล้วด้วย แล้วผมก็บอกทุกคนว่า เจ้าทองคำเนี่ย เป็นของทุก ๆ คน ไม่ใช่ของผม ผมจะดูแลให้ดีที่สุด ผมจะเลี้ยงเขา แล้วสร้างรอยยิ้มให้ทุกคนได้เห็น และส่วนเงินที่เกินมา ผมก็ยังมีการชี้แจง โดยให้ทุกคนลงความเห็นว่าผมไปใช้อะไรยังไงตามขั้นตอน ผมยืนยันว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ ผมก็ยังไม่ได้ใช้อะไร เพราะว่าก็อยากรอให้ทุกคนลงความเห็นว่าอยากไปใช้อะไรในส่วนที่เห็นสมควร แล้วตอนที่ผมบอกเพื่อน ๆ ว่า นายกจะเอาเจ้าทองคำกลับ ผมก็มาบอกว่า เพื่อน ๆ ถ้าอยากให้ผมเลี้ยงเจ้าทองคำ ได้อยู่กับผมที่นี่ ก็ช่วยระดมทุนคนละเล็กคนละน้อย เพราะให้ไม่อยากให้เป็นภาระใครคนใดคนหนึ่งมากมายจนเกินไป” นายสุรัตน์ กล่าว