รายการเป็นเรื่องเป็นข่าวทางสถานีโทรทัศน์ PPTV ในตอน “ล็อกคอโจรตาย” ใครผิด? จากกรณีที่มีชายคนหนึ่งขโมยเข้าไปอยู่ในบ้านจึงได้ล็อกคอคนร้ายจนตาย
โดยนายสหรัฐ ปุณณรัตน์กุล พ่อของผู้ที่ล็อกคอคนร้ายจนเสียชีวิต ได้เล่าเหตุการณ์ว่า ตนได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมด เนื่องจากวันที่เกิดเหตุลูกชายเล่าว่าเมื่อเปิดบ้านเข้าไปเห็นในบ้านมีของเกะกะไปหมด จึงโทรบอกพี่สาว และพี่สาวจึงโทรบอกตน และสักพักเขาก็โทรมาบอกว่าห้องโดนล็อกจากข้างใน และเปิดกุญแจเข้าไป จากนั้นก็เงียบและโทรกลับมาว่ามีขโมยเข้าบ้านและนอนบนเตียงเขา ลูกชายแจ้งว่ามีอีโต้วางข้างตัวและย่องไปหยิบอีโต้และปลุกพร้อมยื้อยุด และลูกตนเหวี่ยงคนร้ายตกจากชั้นสองลงชั้นล่าง
นายสหรัฐกล่าวว่า วัตถุประสงค์ต้องการให้คนร้ายบอบช้ำไม่ขัดขืนต่อสู้ จากนั้นคนร้ายวิ่งหนีไปทางประตู แต่ประตูล็อก เมื่อออกไม่ได้จึงคว้าอาวุธมา ซึ่งตอนนั้นตนได้เยินเสียงปะทะ และตะโกนใส่กัน และลูกชายบอกว่าล็อกคอคนร้ายได้แล้ว ตนบอกให้ลูกบอกให้คนร้ายยอมแพ้และให้กด แต่ลูกตะโกนว่าเขาไม่ยอมหยุดและไม่ยอมแพ้ และระหว่างนั้นตนได้โทรแจ้งตำรวจ
นายสหรัฐกล่าวว่าจากนั้นจึงถามว่ามีไรเกิดขึ้นอีกไหม ลูกบอกว่าล็อกได้อีกรอบ เขาบอกว่าเหนื่อยหิวน้ำ อยากกินน้ำ ก็เลยคลายมือ คนร้ายเลยสะบัดมือและวิ่งไปหยิบมีดมาทำร้ายลูกชายตน ส่วนเรื่องกระทะลูกคว้าอะไรได้ก็คว้า
“พอเราให้ความไว้วางใจ และเขาปฏิเสธความไว้วางใจ เขาแว้งมาทำร้ายเรา คราวต่อไปคงวางใจไม่ได้ เกือบชั่วโมงที่เขาต่อสู้กัน ลูกตะโกนว่าเขาไม่ยอม และใช้กำลังกดให้อยู่กับที่ สุดท้ายที่ได้ยินคือ ป๋าครับ ผมไม่ไหวแล้ว หมดแรงแล้ว แต่ถ้าปล่อยไปอาจโดนทำร้ายอีก” นายสหรัฐกล่าว
ขณะที่นายปรีชา ณ เชียงใหม่ ทนายความระบุว่า โดยหลักกฎหมายไม่ให้เราทำตัวเป็นฮีโร่ ถ้าเกิดต้องเป็นการละเมิดกระทันหันทันทีทันใด ถ้าเลือกได้ต้องเรียกเจ้าหน้าที่มาดำเนินการแทนเรา ถ้าต่อหน้ากฎหมายให้สิทธิป้องกันได้เท่าที่จำเป็น การต่อสู้เราสามารถเลือกได้ว่าเป็นขั้นไหน แต่หากเราเลือกไม่ได้ศาลก็ให้ว่าเป็นการป้องกัน
นายปรีชากล่าวว่า กับกรณีที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นการกระทำป้องกันสมควรแก่เหตุ แต่ตำรวจต้องแจ้งข้อกล่าวหาไว้ก่อน
“ศาลจะดูพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องๆไป กฎหมายไม่ได้มีเจตนาคุ้มครองคนร้าย เขาไม่อยากให้เราเสี่ยงภัยเอง กฎหมายป้องกันทั้งคนดีคนร้าย ต่อให้เป็นคนร้าย ไม่มีสิทธิจะทำเขาทันที กรณีนี้ถ้าเป็นเช่นนี้ตำรวจคงสั่งไม่ฟ้อง”