ข่าวบิดเบือน ปฏิบัติการ IO และ มนุษย์ปลอมโลกไซเบอร์ กลไกแทรกแซงเลือกตั้งสหรัฐ ปี 2016
เผยแพร่
ปรับปรุงล่าสุด
"รัสเซีย" แทรกแซงเลือกตั้งอเมริกา? เรื่องเล่าจากสหรัฐอเมริกา กับปฏฺิบัติการข่าวลวง IO และมนุษย์ปลอม จริงหรือไม่ คุณต้องตัดสินใจเอง

6 ธ.ค.2018 จาก ... วอชิงตัน ดี.ซี.
ย้ำก่อนว่า สิ่งที่ท่านกำลังจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นข้อมูลที่เปิดเผยโดย Dr.Yuval Weber ตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ที่ Daneil Morgan Graduate School of National Society, American University และเขาอนุญาตที่จะให้เราเปิดเผยคำพูดเหล่านี้ออกมา ... แม้ว่าเราจะยังไม่สามารถเชื่อได้ทั้งหมดก็ตาม
คนผู้นี้ใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงมอสโกนานหลายปี มีเชื้อสายรัสเซีย และกลับมาอยู่ที่อเมริกาเมื่อปี 2016 สิ่งที่เขานำมาขยายความ คือ การเลือกตั้งสหรัฐในปี 2016
ซึ่งเขามั่นใจว่า สหรัฐ ถูกแทรกแซงการเลือกตั้งด้วยปฏิบัติการด้านการข่าวของรัสเซีย !!
Dr.Yuval อธิบายแนวคิดก่อนว่า หลังสหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 1991 รัสเซีย ไม่ใช่มหาอำนาจที่ถูกยอมรับให้เป็นศูนย์กลางความมั่นคงระหว่างประเทศ หรือแม้กระทั่งเป็นศูนย์กลางความมั่นคงของยุโรปอีกต่อไป เพราะพวกเขากลายเป็นประเทศที่เล็กลง ... แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน จะหยุด
แม้ไม่สามารถแสดงแสนยานุภาพทางการทหารได้ดังเดิม แต่รัสเซีย มีนโยบายต่างประเทศ ที่จะกลับมายิ่งใหญ่ ผ่านแนวความคิดที่ Dr.Yuval ใช้คำพูดว่า
“ถ้าอยากให้ถูกมองว่าเป็นมหาอำนาจ ก็ต้องทำให้ประเทศอื่นที่เป็นมหาอำนาจยอมรับ” แต่รัสเซียก็ทำไม่สำเร็จกับอเมริกา แม้จะพยายามยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออเมริกาหลังเหตุการณ์ 9/11 เมื่อปี 2001 ทั้งการเปิดน่านฟ้าให้สหรัฐใช้ได้ และการให้เข้าไปตั้งฐานทัพ
ดังนั้น เขามองว่า เมื่อทำให้อเมริกายอมรับว่าเป็นมิตรไม่ได้ ก็ต้องทำให้อเมริกายอมรับในอีกรูปแบบหนึ่งแทน คือ “ยอมรับว่า ไม่เป็นมิตร”
วิธีการที่ Dr.Yuval เห็นว่า รัสเซียใช้เพื่อกดดันอเมริกา คือการไปโจมตีประเทศเล็กๆที่ไม่มีสนธิสัญญาใดๆที่จะได้รับการปกป้องจากอเมริกา เช่น จอร์เจีย และ ยูเครน เพื่อแสดงให้เห็นว่า อเมริกา ในฐานะมหาอำนาจ ไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ... จากนั้น จึงพุ่งเป้ามาที่อเมริกา แต่ไม่ใช่การรบ ไม่ใช่การแสดงแนยานุภาพทางการทหาร ไม่มีรถถังรุ่นใหม่ล่าสุดออกมาห้ำหั่นกันในสนามรบ ... เขาเรียกมันว่า การทำสงครามยุคใหม่ ซึ่งเขาแบ่งออกเป็น 3 ข้อ
1. การสร้างข่าวบิดเบือน เพื่อสร้างความแตกแยกในศัตรู (Dis Information) วิธีนี้ จะเข้าไปทำโดยสร้างความแตกแยกในกลุ่มประชากร เพราะสหรัฐมีจุดอ่อนที่เขาเองก็ยอมรับ เช่น ปัญหาการเหยียดผิว ปัญหาเรื่องเชื้อชาติ ก็เป็นช่องให้ฝ่ายตรงข้ามทำข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ออกมา เพื่อปลุกปั่นยุยง ให้เกิดความเกลียดชัง
2 ปฏิบัติการทางข้อมูล (Information Operation) ต่อจากข้อแรกคือ การนำข้อมูลที่บิดเบือนเหล่านั้น เข้าไปในสมอง เข้าไปอยู่ในความรู้สึกนึกคิดของกลุ่มเป้าหมาย
3 ปฏิบัติการพิเศษ ซึ่งหากแปลตรงตัวจะหมายถึง การใช้หน่วยรบพิเศษ หรือใช้หน่วยกองกำลังที่มีศักยภาพสูงเข้าไปปฏิบัติการใดๆ โดยเฉียบพลัน โดยไม่รู้ตัว ซึ่งก็คือ การแฝงตัวเข้าไปโดยไม่แสดงตัวว่าเป็นทหาร ซึ่งข้อนี้ ต้องขออนุญาตที่ผมจะตีความค่อเองว่า Dr.Yuval ไม่ได้หมายถึงวิธีทางการทหาร แต่เชื่อว่า เขาหมายถึงการแฝงตัวเข้ามาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เพื่อส่งข้อมูลที่บิดเบือนนั้นออกไปนั่นเอง
ทั้งหมดนี้ Dr.Yuval เปิดเผยว่า ในกระบวนการยุติธรรมอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนย่างเป็นรูปธรรม และเขาอ้างว่า มีพยานมากมาย ให้การยอมรับว่า มีปฏิบัติการนี้จริงในช่วงเลือกตั้งปี 2016 ซึ่งรวมถึงคนใกล้ชิดของประธานิบดี โดนัล ทรัมป์ ด้วย
ก่อนอ่านต่อ ก็ต้องเตือนไว้อีกว่า ผู้เขียน ถอดมาจากคำสัมภาษณ์ของ Dr.Yuval ซึ่งเป็นผู้ให้ข้อมูล และข้อมูลน้ มีความโน้มเอียง ที่เป็นผลเชิงลบกับปรธานิบดีทรัมป์ แม้ว่า จะเป็นการมาพูดในสหรัฐอเมริกาก็ตาม
และท่อนจากนี้ไป น่าตื่นเต้นมาก เพราะเขาเปิดเผยอย่างละเอียดว่า “ปฏิบัติการแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐ ปี 2016” ทำอย่างไร
Dr.Yuval ยอมรับออกมาเองว่า ตลอดประวัติศาสตร์การเมืองที่ผ่านมาที่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในโลกนี้ ประมาณ 100 – 125 ปี ประเทศมหาอำนาจทั้งหลาย รวมทั้งสหรัฐ เข้าไปแทรกแซงการเลือกตั้งของประเทศอื่นเสมอ พร้อมยกตัวอย่างว่า ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 รัสเซีย ก็ไปแทรกแซงการเลือกตั้งในประเทศอย่าง เชก หรือ ยูโกสลาเวีย หรือสหรัฐเอง ก็แทรกแซงการเลือกตั้งในอิตาลี เมื่อปี 1948 เพื่อไม่ให้พรรคคอมมิวนิสต์ชนะการเลือกตั้ง
“แต่การแทรกแซงแบบนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นโดยตรง ระหว่างสหรัฐ กับ รัสเซีย”
จนกระทั่งการเลือกตั้งปี 2016 Dr.Yuval เห็นว่า สหรัฐอเมริกา ในฐานะที่เป็นดินแดนที่มีเสรีภาพสูงในการพูด การแสดงความเห็น และการรวมกลุ่มเพื่อเคลื่อนไหวเรียกร้อง ตามบทบัญญัติเพิ่มเติมข้อที่ 1 ในรัฐธรรมนูญที่คุ้มครองเสรีภาพเหล่านี้ ก็ทำให้ เกิดความแตกแยกออกเป็น 2 ฝ่าย มากกว่าที่ผ่านมา นั่นทำให้สังคมอ่อนแอลง
ฝ่ายที่เชียร์ ฮิลลารี คลินตัน ก็เกลียก โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างชัดเจน ฝ่ายที่เชียร์ทรัมป์ ก็จะเกลียด ฮิลลารี ไปเลย .... ละนั่น เป็นช่องว่างสำคัญ ที่เขาเชื่อว่า ทำให้การเลือกตั้งครั้งนั้นถูกแทรกแซง ... เพราะมี สื่อสังคมออนไลน์
Dr.Yuval มั่นใจว่า รัสเซีย เลือกที่จะช่วยทรัมป์ ให้ชนะการเลือกตั้ง เพราะ ฮิลลารี ประกาศชัดเจนว่า ไม่ต้องการเป็นเพื่อนกับรัสเซีย
Facebook / Twitter / Instragram เป็นเครื่องมือที่ Dr.Yuval เห็นว่า “ง่ายที่สุด” ที่จะนำมาใช้ในปฏิบัติการนี้ โดยเริ่มจาก Dis Information (ข่าวบิดเบือน) เพื่อขยายรอยร้าวให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ที่เขาบอกว่าง่าย เพราะในสื่อสังคมออนไลน์เหล่านี้ มันระบุว่า “ใคร เป็นเพื่อนกับใคร” และความเป็นเพื่อนนี้ ถูกสร้างต่อต่อกันออกไปเป็นเครือข่าย (Network) อยู่แล้ว และเมื่อผู้โจมตีเลือกเป้าหมายซักคนหนึ่ง เขาก็จะดูจากโปรไฟล์ จากสิ่งที่โพสต์ว่าเป้าหมายชอบอะไร เกลียดใคร และเพื่อนๆเป็นอย่างไร จากนั้น ก็จะส่งข้อความแบบ “เฉพาะเจาะจง” ไปให้
วิธีการที่ว่านี้ ใช้กลไกเดียวกับ กลุ่มโฆษณา ในสื่อสังคมออนไลน์ เขายกตัวอย่างเช่น “สมชาย” ชื่นชอบ โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ ก็แปลว่า เขาชอบฟุตบอล ชอบดูพรีเมียร์ลีกอังกฤษ กลุ่มโฆษณาที่ศึกษาสมชาย ก็อาจจะส่งโฆษณาเชิญชวนสมชายไปดูพรีเมียร์ลีก ไปกับสายการบิน A เมื่อตกลง ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ลึกเข้าไปอีกของสมชาย เช่น เขาแต่งงานแล้ว มีลูกกี่คน อยู่ที่ไหน สนิทกับใคร
ดังนั้น “ถ้าคุณชื่นชอบ ทรัมป์” กลุ่มนี้ ก็จะแสดงโฆษณาที่สนับสนุนทรัมป์ให้คุณ และส่งต่อไปที่เพื่อนของคุณเครือข่ายออนไลน์ โดยอาจส่งข้อความเดียวกันไปที่ 100 คน ก่อน เพื่อดูแบบเฉพาะเจาะจงว่าใครชอบอะไร เช่น ชอบแบบที่ 1 มี 25 คน แบที่ 2 มี 50 คน จากนั้นก็จะส่งโฆษณาที่เฉพาะเจาะจงกว่าเดิม
ส่วนที่ผมจะเขียนต่อไป ผมค่อนข้างเชื่อว่า เป็นปัจจัยข้อที่ 3 ที่เขียนไว้ด้านบน ในความหมายของ Dr.Yuval
Dr.Yuval บอกว่า กลุ่มที่เข้ามาแทรกแซง จะสร้าง “คนปลอม” (บอท) - (ดูได้ในภาพยนต์เรื่อง SEARCHING) ขึ้นมา ... แล้วไปร่วมอยู่ในกลุ่มที่เขาจัดการให้เป็นกลุ่มไว้แล้วจากความสนใจต่างๆที่เขียนไว้ด้านบน
บอท คนนี้ เมื่อเข้าไป ก็จะไปสร้างความปั่นป่วน เช่น ขึ้นข้อความว่า “ผมรักฮิลลารี” จากนั้นก็จะสร้าง บอท ขึ้นมาอีก เพื่อเข้ามาทะเลาะกับคนปลอมตัวแรก โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งข้อความทางการเมืองที่เขาต้องการออกไป เพื่อโจมตีฝ่ายหนึ่ง
และการทะเลาะปลอมๆนี้ ก็จะลุกลามไปเองโดยอัตโนมัติ ไปสู่คนจริงๆที่อยู่ในกลุมนั้นๆ และการกระจายต่อโดยผู้คน ก็เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นเองต่อไปตามธรรมชาติ
หรือใน Twitter ก็มีวิธีการสร้าง บอท ขึ้นมาเช่นกัน แต่ทำเยอะมาก และใช้การทวิตข้อความทางการเมือง และใช้ บอท เช่น 1 แสนแอคเค้าท์ ช่วยกันกระจายออกไปให้เกิดเป็นกระแส จน “คนจริงๆ” เข้ามาคุยด้วยและทะเลาะกันเอง
อีกวิธีหนึ่งที่เขาพบว่ามี เช่น หากเขาพบว่าคุณชื่นชอบ “เครื่องบิน” เมื่อคุณพิมพ์คำว่า “เครื่องบิน” ลงไปใน Google ก็จะมีวิดีโอ ที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ 9/11 ออกมาอยู่ในหน้าแรกของคุณ และเป็นวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ด้วยทฤษฎีสมคบคิด เช่น ทฤษฎีที่ระบุว่า อเมริกาเป็นคนสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเอง ... ส่วนนี้ Dr.Yuval พูดถึงปฏิบัติการใน Google
จากนั้นเรื่องราวเหล่านี้ก็ลามต่อไปถึงสื่ออื่นๆ เช่น สื่อทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ ก็ใช้การโจมตีทางออนไลน์เหล่านี้ไปขยายผลเป็นรายงานข่าว และ Dr.Yuval มองว่า ข้อความที่ถูกส่งออกมา แปฏิบัติการทั้งหมด เป็นประโยชน์กับฝ่ายของ โดนัล ทรัมป์ จนทำให้เขาชนะการเลือกตั้ง ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยเรื่องการใช้อีเมลของฮิลลารี คลินตัน ที่ทรัมป์นำไปใช้โจมตีในระหว่างการหาเสียงจนได้ผลอย่างรุนแรงด้วย โดย Dr.Yuval ตั้งข้อสังเกตว่า การนำข้อมูลนี้ออกมาโจมตี หมายความว่า ต้องแฮกเข้าไปในอีเมล ใช่หรือไม่
ข้อมูลเหล่านี้ ทำให้ Dr.Yuval เห็นว่า สื่อมวลชนกระสหลัก ต้องมีกระบวนการตรวจสอบข้อมูลที่ได้มาจากทางสื่อสังคมออนไลน์อย่างหนัก ซึ่งรู้ดีว่าเป็นเรื่องยาก แต่การที่สื่อนำมาขยายความดยไม่ตรวจสอบ ก็ทำให้คนจำนวนมากเชื่อข้อมูลที่บิดเบือนได้ (ข้อนี้ หมายถึงข้อมูลที่บิดเบือน ในภาพรวม)
Dr.Yuval ยังตั้งข้อสังเกตไปถึง ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์รายใหญ่ เช่น Facebook และ Google ว่าจะมกระบวนการอย่างไรเข้ามาควบคุมการใช้ข้อมูลที่บิดเบือนเช่นนี้ มาทำปฏิบัติการข่าวสาร ซึ่งเขาก็คิดว่า มาถึงวันนี้ทั้ง Facebook และ Google กำลังให้ความสนใจอย่างมาก เพราะมันละเอียดอ่อนต่อความปลอดภัยในการใช้ละความน่าเชื่อถือ และสิ่งที่ทำไปแล้ส ก็เช่น การสร้างอัลกอริทึ่ม ให้ผู้ใช้ต้องยืนยันตัวตนว่า “เป็นคนจริงๆ” ต้อง “ไม่ใช่บอท” จึงจะใช้ได้
คณะของผมที่มาที่ สหรัฐอเมริกาคราวนี้ ยังมีโปรแกรมที่จะไปซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย พวกเราจะได้ไปที่สำนักงานใหญ่ของทั้ง Facebook และ Google ด้วย ซึ่งแน่นอนว่า มันน่าตื่นเต้นมากๆ .. และที่สำคัญ คือ การไปครั้งนี้ มีความเชื่อมโยง กับข้อมูลที่เราได้มาจากวอชิงตัน ดี.ซี. และแน่นอนว่า เราอยากได้ข้อมูลนี้จาก Facebook และ Google ด้วย
มีคำถามที่น่าสนใจจากทีมของเราที่ไปสัมภาษณ์ Dr.Yuval ก็คือ คำถามว่า สิ่งที่เขาบอก คนอเมริกัน รู้มั้ย
Dr.Yuval บอกว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นคนเก่ง โดยเฉพาะด้านการตลาด เขาสามารถชิงพื้นที่สื่อให้ไปสนใจเรื่องอื่นได้ตลอดเวลา แม้ว่าคดีนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนที่พบหลักฐานและพยานมากมาย แต่ทรัมป์ ใช้ทวิตเตอร์ ทุกตี 3 และก็ดึงความสนใจไปทางอื่นหมด .... และเมื่อถูกถามถึงเรื่องนี้ ก็เป็นสไตล์ของทรัมป์ ที่จะตอบง่ายๆด้วยการปัดไปไว้ว่า “สิ่งที่คุณได้ฟังมา เป็น “ข่าวปลอม” (Fake News)
ผมถามเขาว่า ... ถ้าสิ่งที่เขาพูดมาคือเรื่องจริง คุณรู้สึกอย่างไร ที่มหาอำนาจอย่างสหรัฐ ถูกแทรกแซงการเลือกตั้ง ... และจะทำอย่างไรถ้าแก้ปัญหาการใช้ข่าวบิดเบือนไม่ได้ สหรัฐ จะลงไปเล่นในสงครามแบบใหม่นี้เองด้วยหรือไม่
Dr.Yuval เห็นว่า สหรัฐ ไม่ควรจะลงไปรบในสนามที่ฝ่ายตรงข้ามต้องการให้ลงไปรบ ที่สหรัฐพบปัญหาเช่นนี้ เพราะเป็นสังคมแบบเปิด ออกกฎหมายอะไรมาปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความเห็นไม่ได้ เพราะจะขัดรัฐธรรมนูญ และตัวเขา ก็ยินดีที่จะอยู่ในสังคมแบบเปิดแบบนี้มากกว่า แต่ก็ต้องระมัดระวังอย่างมากในอนาคต ... และเขากำลังจับตามองเพราะในการเลือกตั้งอีก 2 ปี ข้างหน้า ใครจะรู้ได้ว่า จะมีความแตกต่างแบบไหน เกิดขึ้นอีก
สุดท้าย ... ผมถามเขาว่า
“ข้อมูลที่คุณนำมาเสนอน่าสนใจมาก และผมฟังแล้ว ก็อยากเขียนเรื่องนี้ แต่ผมจะรู้ได้ยังไงว่า ... สิ่งที่คุณพูด เป็นความจริง”
คำตอบของเขาคือ เขาเปิดเผยตัวตน พูดในที่สาธารณะ และมีหลักฐานบางอย่างมาแสดง
สำหรับเพื่อนๆที่อ่านมาถึงตรงนี้ ... ขอให้รู้ว่า ผมไม่ได้บอกว่า ข้อมูลทั้งหมดที่เขียนมา “เป็นเรื่องจริง” ... และก็ไม่ได้บอกว่า “มันไม่จริง”
////
สถาพร พงษ์พิพัฒน์วัฒนา หัวหน้ากองบรรณาธิการข่าว สถานีโทรทัศน์ PPTV
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >> www.pptvhd36.com/tags/ข่าววันนี้