นายธนากร แหวกวารี ทนายความ ในฐานะตัวแทนที่ได้รับมอบหมายจากนายนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ "ดีเอสไอ" ให้แถลงขอโทษ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ โจทก์ ที่ยื่นฟ้องนายธาริต ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 ต่อสื่อมวลชน
สำหรับรายละเอียดครั้งนี้ นายธนากร ระบุว่า ขณะที่นายสุเทพ ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้สั่งการไม่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำสัญญาก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ 396 แห่งเป็นรายภาค ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอ แต่กลับให้รวมสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างเพียงรายเดียว อันเป็นการปฎิบัติหน้าที่มิชอบ จนเกิดปัญหาที่ไม่สามารถก่อสร้างได้เสร็จทันตามกำหนด โดยคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นและศาลอุทรณ์มีคำพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าการแถลงข่าวของ นายธาริต จำเลย เป็นการตรวจสอบโครงการก่อสร้างโรงพัก และให้ความเห็นในทางกฎหมายในฐานะอธิบดีดีเอสไอ ไม่ได้มีการยืนยันข้อเท็จจริงว่า นายสุเทพ ได้กระทำการทุจริต โดยศาลได้เลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาศาลฏีกามาเป็นวันที่ 14 ธันวาคม นี้
โดย นายธาริต ยอมรับว่า ได้ทบทวนเรื่องราว พบว่าการแถลงข่าวที่เกิดขึ้นไม่สมควร เป็นการล่วงเกินนายสุเทพ ทั้งที่เคยเป็นผู้บังคับบัญชาและมีพระคุณ ซึ่งตามข้อเท็จจริง การออกคำสั่งของนายสุเทพ เป็นการกระทำตามข้อเสนอของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น และนายสุเทพยังไม่เคยถูกฟ้องและมีคำพิพากษาใดๆ ตัดสินว่านายสุเทพกระทำผิด รวมทั้ง ป.ป.ช. ก็ไม่ได้ชี้มูลว่ากระทำผิด จึงแสดงความสำนึกผิด และกราบขอขมาลาโทษ ด้วยสำนึกของตัวเอง ไม่ได้ถูกบุคคลอื่นจูงใจ ทั้งนี้ถ้อยแถลงสารภาพและขอโทษดังกล่าว ได้ยื่นเสนอต่อศาลฎีกาแล้ว และขอความเมตตา ให้ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาไปอีก 60 วัน เพื่อการเจรจากับนายสุเทพจะได้แล้วเสร็จ แต่หากไม่อนุญาตก็ขอให้ศาลลงโทษสถานเบา โดยรอลงอาญาด้วย
ส่วนนายธาริตที่วันนี้ไม่ได้มาแถลงข่าวด้วยตนเอง เนื่องจากติดภารกิจสำคัญอยู่ต่างจังหวัด ยืนยันว่ามีความจริงใจในการขอโทษนายสุเทพ และขณะนี้อยู่ระหว่างให้นายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด เป็นคนกลางช่วยประสานให้นายธาริตได้ขอโทษนายสุเทพด้วยตัวเอง โดยส่วนตัวทราบว่านายสุเทพยินดีรับคำขอโทษ แต่ที่ปรึกษากฎหมายของนายสุเทพมีความเห็นต่าง 2 ฝ่าย เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยให้ถอนฟ้องคดี จึงยังไม่มีข้อยุติ
