การชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อกั๊กเหลือง เริ่มกลับมาดุเดือดและคึกคักขึ้นอีกครั้งในช่วงสัปดาห์แรกหลังปีใหม่ โดยเมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นการชุมนุมในสัปดาห์ที่ 8 มีผู้ออกมาร่วมเคลื่อนไหวทั่วประเทศกว่า 5 หมื่นคน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าหลายเท่าตัว
สถานการณ์ในกรุงปารีส ค่อยๆบานปลายกลายเป็นเหตุปะทะรุนแรง หลังผู้ประท้วงขว้างปาระเบิดเพลิงใส่ตำรวจปราบจลาจลที่ตรึงกำลังตั้งด่านสกัดบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแซน ซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรสายหลักเข้าสู่ศูนย์ราชการ จากนั้น ผู้ประท้วงมีการจุดไฟเผารถมอเตอร์ไซค์ ถังขยะ และเรือโดยสารในแม่น้ำ เจ้าหน้าที่จึงต้องตัดสินใจยิงแก๊สน้ำตาตอบโต้
นาย เบนจามิน กรีโวลล์ (Benjamin Griveaux) โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศส เปิดเผยว่า มีกลุ่มชายชกรรจ์ บ้างสวมชุดดำ บ้างสวมเสื้อกั๊กเหลือง พยายามขับรถพุ่งชนประตูทางเข้า เพื่อบุกเข้าไปในอาคารสำนักงานโฆษกรัฐบาล มีการทุบทำลายกระจก และรถยนต์ที่อยู่ในบริเวณนั้นด้วย ส่งผลให้ตัวเขาและทีมงานต้องอพยพหนีตายออกทางประตูด้านหลัง ไปหลบในโรงแรมที่อยู่ใกล้กัน
ส่วนที่ถนนช็องเซลีเซ เจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวปะปนอยู่ในบริเวณนั้นด้วยแต่ในท้ายที่สุดก็ตัดสินใจใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูง เพื่อสกัดฝูงชนที่พยายามจุดไฟเผาทำลายทรัพย์สินสาธารณะ และรถยนต์หลายสิบคันที่จอดไว้ริมถนน
หลังเกิดเหตุ ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ได้ออกมาประณามความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมเจรจาตลอดเวลาเพราะเป็นฝ่ายยอมปฏิบัติตามข้อเรียกร้องแล้วหลายเรื่อง โดยเฉพาะการยกเลิกภาษีเชื้อเพลิง การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ และการลดภาษีสำหรับพลเมืองวัยเกษียณ