ตำรวจห้ามเจ้าชู้! โทษซุกกิ๊ก คบชู้ หนักว่า หนีภรรยา-สามี ไปสมรสใหม่ ถึงขั้นไล่ออกจากราชการ
โฆษก ตร.เผย ตร.ผิดเชิงชู้สาวลงโทษได้ทันที
เจ้าสาวแต่งซ้อน ขอโทษเมียหลวง-วอนสังคมให้อภัย
เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายชายที่อยู่กินฉันท์สามีมากว่า 6 ปี แอบไปมีผู้หญิงอื่น แถมยังจดทะเบียนสมรสกัน เจ้าตัวหอบหลักฐานร้องเรียนกับสาธารณสุขจังหวัดให้สอบวินัยเอาผิดฝ่ายผู้หญิงที่มาที่หลัง
โดย นางสาวเอ หญิงสาววัย 39 ปี นำหลักฐานเป็นคลิปเสียง และโปรแกรมบันทึกการสนทนา เข้าร้องเรียนกับ นายทอง พันทอง รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ตรวจสอบความผิดทางวินัยกับพยาบาลวิชาชีพคนหนึ่งอายุ 41 ปี
อ้างว่าหญิงคนดังกล่าวมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม คือแอบไปจดทะเบียนสมรสกับสามีของเธอ ซึ่งเป็นตำรวจอายุ 29 ปี
นางสาวเอ ระบุว่า อยู่กินกับฝ่ายชายที่เป็นตำรวจ แบบสามีภรรยามาเกือบ 6 ปี แต่ไม่ได้จดทะเบียน และมีลูกด้วยกัน 1 คน อายุ 2 ขวบ แต่ช่วงเดือนพฤศจิกายนปี่ที่แล้ว สังเกตว่า ฝ่ายชายมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปหลายอย่าง ไม่ค่อยกลับบ้าน หรือเวลาอยู่บ้านก็แอบโทรศัพท์คนเดียว จึงคอยจับพฤติกรรมเรื่อยมา จนเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ก็รู้ความจริงว่าสามีคบหาอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นพยาบาล
พอไปสอบถามฝ่ายชาย ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง นางสาวเอ จึงขอเลิกและให้สามีออกจากบ้านไปตั้งแต่เดือนพฤษภาคม จนวันที่ 30 มิถุนายน ได้เข้าร้องเรียนกับนิติกร ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แต่ก็ต้องตกใจ เพราะฝ่ายชายกับพยาบาลคนดังกล่าวได้จดทะเบียนสมรสกัน ก่อนที่ฝ่ายชายจะเลิกกับเธอด้วยซ้ำ นางสาวเอ จึงอยากให้หน่วยงานต้นสังกัดของทางฝ่ายพยาบาล ดำเนินการเอาผิดทางวินัย
“เป็นเรื่องของทางวินัย เราก็อยากจะแบบขอความเป็นธรรมนะคะ ให้ดูหน่อยมันไม่สมควรอย่างนี้ค่ะ ดิฉันกับสามี อยู่กินฉันท์สามีภรรยา มา 5 ถึง 6 ปี ค่ะ ทางบ้านดิฉันและทางบ้านสามี ก็รับรู้ และตัวดิฉันเองก็รู้สึกน้อยใจ ที่การกระทำของทั้งสองคนนะคะ แต่ก็ส่วนตัวสามีเอง เราตกลงกันแล้วว่า เราจะแยกทางกัน และให้รับรองบุตร ส่วนทางผู้หญิง เราก็ไม่ได้รับข่าวติดต่อมาเลย แม้แต่คำขอโทษสักคำก็ไม่เคย ก็อยากขอร้องกับทางหน่วยงานที่เป็นหน่วยงานของทางสาธารณสุข ช่วยรบกวนดูทางวินัยให้หน่อย” นางสาวเอ กล่าว
ขณะที่ฝ่ายชายนั้น นางสาวเอ ระบุว่า ตัดสินใจไม่ร้องเรียนกับต้นสังกัด เพราะฝ่ายชายเซ็นรับรองบุตรให้แล้ว และก็เลิกกันด้วยดี ด้าน นายทอง พันทอง รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ บอกว่า จะส่งเรื่องร้องเรียนให้กลุ่มงานนิติกรดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากเข้าข่ายความผิดทางวินัยก็จะแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัย ส่วนจะมีความผิดหรือบทลงโทษอย่างไรหรือไม่ ต้องดูว่าความผิดถึงขั้นไหน ร้ายแรงหรือไม่ หากร้ายแรงก็จะมีลำดับขั้นโทษ
ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน ปี 2551 มาตรา 82 ข้าราชการพลเรือนต้องกระทำการอันเป็นข้อปฏิบัติดังต่อไปนี้ ต้องรักษาชื่อเสียงของตนและรักษาเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการไม่ให้เสื่อมเสีย และมาตรา 88 วรรคสอง โทษทางวินัยมี 5 สถาน คือ ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ลดเงินเดือน ปลดออก และ ไล่ออก
ผู้สื่อข่าวสอบถาม นายเสรี ผาแดง ทนายความอาสาเพื่อประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ ให้ความเห็นเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า หากฝ่ายหญิงจะฟ้องร้องเอาผิดตามกฎหมายหรือแม้แต่ทางวินัยข้าราชการ ก็อาจทำได้ยาก เพราะฝ่ายหญิงไม่ได้จดทะเบียนสมรส แม้จะอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยา แต่ผู้ที่จดทะเบีบนสมรสก็มีสิทธิมากกว่า หากฟ้องคดีอาจถูกยกฟ้องเพราะอาจเข้าข่ายคดีไม่มีมูล
อย่างไรก็ตามฝ่ายหญิงสามารถเรียกร้องให้ฝ่ายชายรับรองและอุปการะเลี้ยงดูบุตรได้ เพราะเป็นบิดาและมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรตามกฎหมาย
นายเสรี ให้ข้อแนะนำด้วยว่า ผู้หญิงที่อยู่กินกับแฟนลักษณะสามีภรรยาควรจดทะเบียนสมรสกัน เพื่อให้เกิดสิทธิและสถานะตามกฎหมาย เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาจะทำให้มีสิทธิเรียกร้องตามกฏหมายครอบครัวได้ แต่หากไม่จดทะเบียนสมรสก็ไม่เกิดสิทธิเรียกร้อง เหมือนกรณีนี้อาจเรียกได้ว่ากลายเป็นชู้กับสามีตัวเอง