เฟซบุ๊ก "ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช" ได้เผยแพร่ข้อความถึงมุมมองข้อกฎหมายของทนายอนันต์ชัย ไชยเดช กรณีการแจ้งความดำเนินคดีในความผิดต่อ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 44 ว่า กรณีที่ "พระชาตรี" ได้ไลฟ์สด กล่าวหา "คุณไพรวัลย์"ก่อน ว่า เนรคุณศาสนา และยังเรียก "อี" นำหน้าชื่อนั้น อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
เจ้าคณะตำบลบางเขน ยันเรื่องจริง “พระชาตรี” เคยยักยอกเงินวัด จนถูกปลด
แพรรี่ - ไพรวัลย์ แฉซ้ำพระยักยอกเงิน 4 ล้าน ลั่นมีเอกสารชัด
เมื่อเป็นดังนี้ทั้งพระชาตรีและนายไพรวัลย์ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ใช่ผู้เสียหาย ส่วนกรณีที่มีทนายความท่านหนึ่ง ไปแจ้งความดำเนินคดีกับคุณไพรวัลย์ ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 44 ตรีนั้น ก็ไม่สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษกับนายไพรวัลย์ได้เช่นกัน
เนื่องจาก คำว่า "คณะสงฆ์" มีคำนิยามไว้ใน มาตรา 5 ทวิ ว่า คณะสงฆ์ จะต้องประกอบด้วยพระภิกษุสงฆ์ ตั้งแต่ 2 รูปขึ้นไป จึงจะเป็นคณะสงฆ์ได้ พระภิกษุสงฆ์ เพียง 1 รูป ไม่สามารถเป็นคณะสงฆ์ได้ การที่นายไพรวัลย์ กล่าวหา พระชาตรี จึงมิใช่เป็นการกล่าวหาคณะสงฆ์
ขณะที่เพจเฟซบุ๊กทนายธรรมราช ได้โพสต์ข้อความตอบโต้ว่า “เรียนทนายรุ่นใหญ่ทุกๆท่านนะครับก่อนที่ท่านจะวิพากษ์วิจารณ์อะไร หรือจะให้ความเห็นเกี่ยวกับคดี ขอถามท่านหน่อยว่า ท่านดูจบหรือยังวันนั้นแพรี่พูดถึงพระกี่รูป? ถ้ายังดูไม่จบตอนนี้ยังพอมีเวลา แนะนำนั่งฟังคลิปให้จบก่อน แล้วค่อยมาคุยคำว่าคณะสงฆ์กับผมใหม่” โดยล่าสุดเพจเฟซบุ๊กทนายธรรมราช ได้โพสต์ภาพขณะนำพยานหลักฐานแผ่นบันทึกคลิปไลฟ์สด พร้อมถอดคำพูดของแพรี่ มอบให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ท้องที่พบเห็นแพรี่ไลฟ์สด พร้อมระบุว่าข้อความว่า “มันหนักนะเธอจะรับไหวมั้ย”
ส่วนความเคลื่อนไหวของ แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร ก็ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ข่มพวกอลัชชี ยกย่องภิกษุผู้ประพฤติดี นี่คือหน้าที่ ที่คนรักษ์พระศาสนา โดยข้อความตอนหนึ่งระบุว่า การอุดหนุนยกย่องพระสงฆ์ที่ประพฤติตนย่ำยีทำลายพระธรรมวินัย ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เรามีส่วนในการช่วยลดทอนอายุของพระศาสนา
เมื่อพวกอลัชชี มีกำลัง พระที่รักษาลัชชีธรรมก็จะถดถอย เมื่อพระที่มีลัชชีธรรมถดถอย ทอดถอนธุระที่จะรักษาพระศาสนา พระศาสนาก็จะเกลื่อนกล่นไปด้วยพวกเดียรถีย์ และเหล่าคำสอนที่ไม่ได้ตรงตามพระธรรมวินัย กำจัดของเสียรักษาของดี อุดหนุนพระที่มีลัชชีธรรม นี่คือหน้าที่ของเราค่ะ