วันที่ 8 ต.ค. 2565 นายฐนโรจน์ วรรัฐประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ในฐานะรองโฆษก สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ยืนยันว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์น้ำส่วนหน้าอุทกภัยภาคกลาง โดยกรมชลประทาน ได้รายงานสถานการณ์ของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำสูงขึ้น จึงปรับเพิ่มการระบายน้ำ จากอัตรา 830 ลบ.ม./วินาที เป็นอัตรา 900 ลบ.ม./วินาที โดยได้ประกาศเเจ้งเตือนไปผู้ว่าราชการจังหวัด ที่จะได้รับผลกระทบตั้งแต่ท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ถึง เขื่อนพระรามหก
ปริมาณน้ำเกินความจุ เขื่อนป่าสักฯ เพิ่มระบายน้ำ เตือน 6 จังหวัดรับมือ
ประกาศฉบับที่ 1 อากาศแปรปรวน เตือน! ภาคใต้ “ฝนตกหนัก” 9-11 ต.ค.นี้
พร้อมชี้แจงว่า น้ำที่ไหลจากท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จะไหลผ่านเขื่อนพระรามหก โดยจะใช้ประตูระบายน้ำพระนารายณ์ และ คลองระพีพัฒน์ ตัดยอดน้ำ
นายฐนโรจน์ ยืนยันด้วยว่า การปรับการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ผ่านคลองระพีพัฒน์ ที่มีศักยภาพรับน้ำได้กว่า 150 ลบ.ม/วินาที จะไหลลงคลอง 13 และลงคลองรังสิต ตามลำดับ ซึ่ง กรมชลประทาน มีประตูกลางคลองทำการปิดประตูไว้ ทำให้ปริมาณน้ำดังกล่าว ไม่ไหลเข้าไปในพื้นที่เทศบาลนครรังสิตแน่นอน