โดยกฎอัยการศึกที่ผู้นำรัสเซียประกาศมีสาระสำคัญคือ การมอบอำนาจพิเศษให้กับผู้บริหารในภูมิภาคทั้ง 4 เพื่อรับมือกับการรุกคืบของยูเครน และประกาศจัดตั้งคณะประสานงานพิเศษจากรัฐบาลรัสเซียเพื่อทำงานหรือปฏิบัติการร่วมกัน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
การประกาศกฎอัยการศึกเป็นครั้งแรกของรัสเซีย นับตั้งแต่มีการออกกฎหมายนี้เมื่อปี 2002
โดยรัสเซียจะประกาศกฎอัยการศึกนี้ได้ก็ต่อเมื่อรัสเซียกำลังเผชิญกับการรุกราน หรือภัยจากการถูกรุกรานที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
"โดรนจากอิหร่าน" อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมสงครามในยูเครน
วงในเผยเอง อิหร่านเตรียมจัดหาขีปนาวุธ-โดรนให้รัสเซีย
การประกาศกฎอัยการศึกของรัสเซีย จะส่งผลอย่างไรต่อการทำสงครามในยูเครน และจะเกิดอะไรขึ้นที่หลังการประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้
หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า สิ่งที่อาจเกิดขึ้นคือหน่วยงานของแคว้นทั้ง 4 จะมีอำนาจในการจัดตั้งกองกำลังป้องกันดินแดน เพื่อเกณฑ์ชาวยูเครนในพื้นที่ไปออกรบ เนื่องจากกฎอัยการศึกฉบับนี้ ได้เพิ่มอำนาจให้กับผู้บริหารของแคว้นในการบริหารราชการฉุกเฉิน
โดยจุดที่รัสเซียอาจประกาศระดมพลคือ แคว้นเคอร์ซอน จุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของสงครามครั้งนี้ เพราะยูเครนยึดพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางปีกตะวันตกของแคว้นเคอร์ซอนคืนได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
ทั้งนี้ วิตาลี คิม ผู้ว่าการแคว้นมิโคลายิฟเชื่อว่า การประกาศกฎอัยการศึกใน 4 แคว้นของยูเครนรวมถึงที่เคอร์ซอน มีจุดประสงค์เพื่อเกณฑ์ชาวยูเครนมาเป็นกำลังเสริมในวันที่กองทัพรัสเซียกำลังรับมือกับกองกำลังยูเครนที่กำลังรุกคืบอย่างหนักในแคว้นนี้
และไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ประธานาธิบดีปูตินประกาศกฎอัยการศึก โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดีของยูเครน ได้ออกมาขอร้องให้ชายชาวยูเครนในแคว้นเคอร์ซอน หลีกเลี่ยงการถูกเกณฑ์ไปรบแบบไม่สมัครใจ และหากไม่สามารถขัดขืนได้ ให้วางอาวุธและมายังจุดที่กองกำลังยูเครนประจำอยู่
หลายฝ่ายมองว่าเป้าหมายหลักของการประกาศกฎอัยการศึกในครั้งนี้ อาจอยู่ที่แคว้นเคอร์ซอน เพราะเมื่อพิจารณาจากสภาพการณ์ในสนามรบแล้ว รัสเซียกำลังเสียเปรียบอย่างหนัก
แผนที่การสู้รบล่าสุดในพื้นที่แคว้นเคอร์ซอน การสู้รบที่นี่ยังคงเป็นไปอย่างดุเดือด
จากแผนที่จะเห็นได้ว่า ตอนนี้ทางฝั่งยูเครนสามารถรุกคืบพื้นทางปีกตะวันตกได้มากขึ้น โดยเฉพาะทางตะวันตกเฉียงเหนือ ฝั่งที่ติดกับแคว้นดนีโปรเปตรอฟสก์
ในขณะเดียวกันทางตะวันตกเฉียงใต้ ยูเครนก็สามารถยึดพื้นที่ได้มากขึ้น จนเริ่มเข้าใกล้เมืองเคอร์ซอน ซึ่งเป็นเมืองเอกหรือศูนย์กลางการปกครองของภูมิภาคได้แล้ว
นักวิชาการด้านสงครามศึกษาให้ความเห็นว่า เป้าหมายของฝั่งยูเครนคือ ควบคุมพื้นที่ทางด้านปีกตะวันตกของแคว้นเคอร์ซอนให้ได้ เพราะพื้นที่บริเวณนี้เป็นจุดสำคัญในการกำหนดและรักษาสมดุลของสงคราม
ขณะเดียวกันก็ประเมินว่า ยูเครนจะยังไม่สามารถข้ามไปยึดพื้นที่ทางปีกตะวันออกของแม่น้ำดนีเปอร์ได้ในเร็วๆ นี้ เพราะรัสเซียมีทหารและเสบียงสำหรับสู้ในระยะยาว ที่ถูกส่งมาจากทั้งไครเมียและทางตอนใต้ของรัสเซีย
โดยเป้าหมายที่ดีที่สุดสำหรับยูเครนในเวลานี้คือ ใช้ยุทธวิธีปิดล้อมกองพันของรัสเซียและบังคับให้ยอมจำนน
ขณะเดียวกัน ผู้บัญชาการการรบคนใหม่ของรัสเซียก็ออกมายอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า สถานการณ์ในเคอร์ซอนยากลำบากอย่างยิ่ง ทำให้หลายฝ่ายมองว่า นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ปูตินประกาศกฎอัยการศึกเพื่อใช้มาตรการพิเศษที่นี่ โดยหนึ่งในความเป็นไปได้ คือรัสเซียอาจบังคับหรือเกณฑ์ชาวยูเครนในแคว้นต่างๆ ให้ไปร่วมรบ
อย่างไรก็ดี การบังคับให้พลเมืองไปร่วมรบหรือปฏิบัติหน้าที่ในกองกำลังของฝั่งที่เข้ารุกราน คือ การละเมิดอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยการทำสงคราม
นอกจากนี้ยังมีอีกความเคลื่อนไหวหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้นในแคว้นเคอร์ซอน หลังรัสเซียประกาศกฎอัยการศึก นั่นคือการอพยพพลเรือนชาวยูเครนเกือบ 60,000 คนไปยังรัสเซีย
ภาพส่วนหนึ่งของคนที่ถูกอพยพออกจากพื้นที่ จะเห็นได้ว่ามีประชาชนมาเข้าแถวรออพยพขึ้นเรือจำนวนมาก
ก่อนหน้านี้ทางการยูเครนบอกว่า ชาวยูเครนจำนวนมากถูกเนรเทศหรือบังคับให้ต้องอพยพออกจากยูเครน และการประกาศกฎอัยการศึกจะยิ่งทำให้รัสเซียทำสิ่งเหล่านี้มากขึ้น
ตัวเลขของ UNHCR เมื่อเดือนกันยายนชี้ว่า รัสเซียอาจบังคับให้ชาวยูเครนมากกว่า 1 ล้าน 6 แสนคนย้ายออกจากพื้นที่
ทั้งนี้การบังคับให้มีการโยกย้ายถิ่นฐานถือเป็นการการละเมิดอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยการดำเนินการสงครามเช่นเดียวกันการบังคับคนให้ไปรบในสงคราม
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ระดับสูงของแคว้นเคอร์ซอนที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซียระบุว่า ทางการของแคว้นจำเป็นต้องอพยพพลเรือนออก เพราะพวกนาซีกำลังบุก และการรบครั้งสำคัญเพื่อปกป้องเคอร์ซอนกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
หลายฝ่ายให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่า การประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดีปูตินในครั้งนี้ เป็นไปเพื่อให้รัสเซียสามารถใช้วิธีการที่หนักขึ้นในการรักษาพื้นที่แคว้นเคอร์ซอนเอาไว้ ยังไม่มีความชัดเจนว่าวิธีการที่หนักขึ้นจะเป็นแบบไหน
แต่เมื่อวานนี้นายพลซูโรวิกิน (19 ต.ค.) ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการรบคนใหม่ของรัสเซียให้สัมภาษ์เพียงว่า “การตัดสินใจครั้งสำคัญและเป็นการตัดสินใจที่ไม่ง่ายกำลังจะต้องเกิดขึ้น" โดยไม่ให้รายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม
จะเห็นได้ว่ายิ่งยูเครนได้เปรียบมากขึ้นเท่าใด สงครามยูเครนจะยิ่งซับซ้อนขึ้นมากขึ้นเท่านั้น เพราะราคาของการเดิมพันในสงครามสูงมากและทั้งสองฝ่ายจะไม่มีทางยอมแพ้
อย่างไรก็ดี ความซับซ้อนของสงครามยูเครนที่เกิดขึ้นตอนนี้ ทำให้มีคู่กรณีที่เข้ามาพัวพันกับสงครามมากขึ้น โดยเฉพาะอิหร่าน ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ส่งยุทโธปกรณ์อย่างโดรนพลีชีพและขีปนาวุธระยะใกล้ให้แก่รัสเซียเพื่อโจมตียูเครน และเมื่อคืนที่ผ่านมาอิหร่านได้ออกมาตอบโต้ข้อครหาดังกล่าว
ซาอิด อิราวานี เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติได้แถลงปฏิเสธว่าอิหร่านไม่ได้ส่งโดรนให้รัสเซียเพื่อใช้ในสงครามการรุกรานยูเครน พร้อมระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือ การใส่ร้ายป้ายสีโดยชาติตะวันตก
ในขณะที่ทูตอิหร่านกำลังแถลงต่อหน้าผู้สื่อข่าว ปรากฏว่า ดมิทรี โปเลียนสกี รองผู้แทนถาวรรัสเซียประจำยูเอ็นยืนอยู่ตรงนั้นด้วย
โดยรองผู้แทนถาวรรัสเซียพูดทำนองเดียวกับทูตอิหร่านว่า ข้อครหาที่ว่าอิหร่านส่งโดรนพลีชีพให้รัสเซีย เป็นเพียงสิ่งที่ชาติตะวันตกใช้เพื่อใส่ร้ายป้ายสีอิหร่านและรัสเซีย
หลังจากนั้น นักข่าวจึงได้ถามว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ทำไมรัสเซียไม่อนุญาตให้องค์การที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น
คำตอบของดมิทรี โปเลียนสกี คือ ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ต้องทำเช่นนั้น
การเข้ามาเกี่ยวพันของอิหร่าน ทำให้หลายเริ่มให้ความสนใจกับอิสราเอล ซึ่งเป็นคู่ปรับอีกชาติหนึ่งในตะวันออกกลาง ที่อาจถูกลากเข้ามาในสงครามยูเครน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังยูเครนถูกโจมตีด้วยโดรนอิหร่านกว่า 80 ลำ
ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนเรียกร้องให้อิสราเอล ซึ่งเป็นชาติที่มีระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ล้ำสมัย ส่งระบบดังกล่าวให้แก่ยูเครนเพื่อปกป้องชีวิตพลเรือนในทางการทูต นี่เป็นคำร้องขอที่น่าสนใจ
เพราะอิหร่านคือศัตรูหมายเลข 1 ของอิสราเอล การที่อิหร่านแสดงตนว่าอยู่กับรัสเซียจึงอาจเป็นโอกาสอันดี ที่ยูเครนจะดึงให้อิสราเอลมาอยู่ฝั่งของตนเอง และถ้าอิสราเอลทำตามคำร้องของยูเครนด้วยการส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศ แน่นอนว่าจะส่งผลดีต่อยูเครน
อิสราเอลว่าอย่างไรเมื่อยูเครนร้องขอแบบนี้ เมื่อคืนที่ผ่านมา เบนนี แกนต์ซ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ได้เปิดแถลงข่าวถึงเรื่องนี้ โดยระบุว่า อิสราเอลมีจุดยืนที่ชัดเจนคืออยู่ข้างยูเครน
แต่อิสราเอลจะไม่ส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้กับยูเครนตามคำร้องขอ และความช่วยเหลือที่อิสราเอลจะให้กับยูเครนจะจำกัดอยู่ในขอบเขตด้านมนุษยธรรมเท่านั้น
นี่เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนจากอิสราเอลว่ายังไม่พร้อมที่จะกระโดดเข้าไปในสงครามยูเครน เพราะอิสราเอลจำเป็นต้องพิทักษ์ผลประโยชน์แห่งชาติของตนเอง ซึ่งมีรัสเซียเข้ามาพัวพันด้วย