ความคืบหน้ากรณี นายมนตรี สินทวิชัย หรือ ครูยุ่น เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เข้ารับข้อกล่าวหาทำร้ายและใช้แรงงานเด็ก ซึ่งต่อมาได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหานั้น
ล่าสุด ครูยุ่น ชี้แจงกับสื่อมวลชนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่า ตัวเองไม่ใช่โรคจิตตีเด็ก แต่มีเรื่องที่จำเป็นต้องลงโทษ ไม่ใช่การทำร้าย เพราะมีบางเรื่องที่ยอมไม่ได้ เช่น เรื่องที่มีความอันตรายถึงชีวิต ยาเสพติด หรือขโมยเงินโดยการงัดแงะ
"ครูยุ่น" ปฏิเสธ 2 ข้อหายันทำโทษเด็กเพราะมีเหตุผล
ไม่ใช่มูลนิธิรังแกเด็ก! "แก้วสรร"แจงแทน"ครูยุ่น"ขออย่าฟังความข้างเดียว
ครูยุ่น บอกว่า ความเป็นมาเรื่องนี้เหมือนที่ทุกคนทราบ คือ นักศึกษามาจัดกิจกรรม แล้วมีเด็กบางคนที่อาจจะไม่พอใจผม ด้วยเหตุใดๆ ก็อย่าไปลงรายละเอียด แต่ได้ขอความช่วยเหลือจากกลุ่มนักศึกษา จนมีการประสานไปที่กลุ่มเส้นด้าย นำมาซึ่งการแจ้งความ และส่งคลิปให้ โดยคนถ่ายคือเด็กที่มูลนิธิ ส่วนตัวไม่ได้โกรธแต่อย่างใด
เหตุการณ์ล่าสุด เป็นเรื่องของเด็กลงไปเล่นในแม่น้ำ แล้วมีเด็กคนหนึ่งที่ว่ายน้ำไม่เป็น จึงให้ครูเขาเรียกขึ้นมาจากน้ำ เด็กก็ไม่ยอมขึ้น ซึ่งก่อนหน้นี้เคยแล้วบอกว่า เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด คนว่ายน้ำไม่เป็น นาทีเดียวก็ตายเลย ถ้าจมน้ำ จึงจำเป็นต้องลงโทษ และยืนยันว่าไม่ได้ทำร้าย
“ผมเป็นโรคจิตเหรอ ถึงต้องไปตีเด็ก ผมจำเป็นต้องลงโทษ ไม่ได้ทำร้าย และสอนเขาด้วยว่าบางเรื่อง ผมยอมไม่ได้ เช่น เรื่องอันตรายถึงชีวิต ยาเสพติด ขโมยเงินโดยการงัดแงะ ผมไม่อยากลงรายละเอียด เพราะเป็นเรื่องพฤติกรรมของเด็ก ซึ่งเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วที่จะต้องแก้ปัญหาเขาให้ได้”
ครูยุ่น กล่าวอีกว่า เหตุการณ์นี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ตกเป็นผู้ต้องหา ก่อนหน้านี้เคยโดนคดีพรากผู้เยาว์ เพราะไปพรากเด็กมาจากพ่อของเขา เป็นกรณีพ่อข่มขืนลูก เราจึงไปพาลูกเขาออกมา จึงโดนพ่อเขาฟ้อง ถือเป็นวิกฤติหนึ่งที่ผ่านมาได้ ซึ่งศาลลงโทษพ่อ จึงได้คัดสำเนาผู้พิพากษามาใช้เป็นพยานหลักฐานกับตำรวจจนตำรวจสั่งไม่ฟ้อง
“เรื่องนั้นทำให้ชื่อผมอยู่ในประวัติอาชญากรรมอยู่นาน เพราะไม่ได้ไปตรวจสอบอะไรต่อ จนมีรุ่นน้องที่ทำงานด้วยกันมาบอก จึงไปเอาชื่อออก ฉะนั้นอยากจะบอกว่า ถ้าใครบอกว่า ผมโดนคดีอะไร ขอให้ดูรายละเอียดด้วย”
เมื่อถามว่า การตีเด็กถูกมองว่าเป็นการลงโทษที่ไม่ถูกต้อง ครูยุ่น บอกว่า ไม่ใช่เรื่องที่วันดีคืนดีแล้วไปตี อย่าไปลงรายละเอียดว่าเด็กทำอะไรไว้บ้าง แต่ถ้าปล่อยไปแบบนี้ เชื่อว่าตนจะต้องโดนคดีบางเรื่องอีก หากเด็กเป็นอะไรไป ดังนั้นขอยืนยันว่า ทำไปเพื่อความปลอดภัย คนจะพูดอะไรก็ตาม แต่นี่มันไม่ใช่ครั้งเดียว และเชื่อด้วยเจตนาว่าเป็นการสั่งสอน
ผู้สื่อข่าวถามถึง บางกระแสข่าวที่เด็กอ้างว่ามีพฤติกรรมโหดเหี้ยม ทำร้ายเด็ก เอาอุจจาระ เอาปัสสาวะไปใส่เสื้อผ้า จริงหรือไม่ ครูยุ่น ตอบว่า “ผมเนี่ยนะ อยู่ดีๆ เอาปัสสาวะ เอาอุจจาระไปทำอย่างนั้นเลยเหรอ ไม่จริงครับ อุจจาระ ปัสสาวะ ไม่เคยทำครับ”
ครูยุ่น กล่วถึงเรื่องที่เกี่ยวกับการใช้แรงงานเด็กในรีสอร์ท ว่า ทำไมต้องเรียกสิ่งเหล่านี้ว่าใช้แรงงาน เด็กมาที่รีสอร์ท มาทำนู่น ทำนี่ ไม่มีกำหนดเวลา ไม่เคยไปเฝ้าว่าทำอะไร เด็กสมัครใจจะมา ไม่ได้ให้มาก็อยากจะมา ไม่ได้อยากแก้ตัวอะไร พูดมากก็คือการแก้ตัว แต่ไม่เคยคิดว่า เขาเป็นลูกจ้าง มีทั้งมาเล่น กวาดใบไม้ ล้างห้องน้ำ เราก็ให้ค่าขนม แล้วก็ดูแลเรื่องอาหารการกินให้เขา
“ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ผมถูกวิพากษ์วิจารณ์มามาก จนกระทั่งจนชาชิน มองผมเป็นปีศาจไปแล้ว ก็ไม่เป็นไรครับ ถามว่าอารมณ์ผมนิ่งไหม ต้องอยู่กับเด็กแบบนี้ ก็ไม่ง่ายครับ”