หลังเข้าแจ้งความกับตำรวจภูธรปากเกร็ดน.ส.วรรณพิชา จารุจินดา ผู้เสียหาย พร้อมตำรวจ ได้เดินทางมาที่เต็นท์ขายรถมือสองดังกล่าวเพื่อขอเจรจาคืนที่ซื้อไปกว่า 3 เดือน เบื้องต้นไม่พบเจ้าของเต็นท์รถพบเพียงผู้จัดการ ซึ่งได้เข้าไปเจรจานานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนที่ ผู้เสียหาย และตำรวจจะเดินออกมา
น.ส.วรรณพิชา ผู้เสียหาย บอกว่า จากการเจรจาได้ข้อสรุปว่า ทางเต็นท์รถมีหนังสือนัดหมายเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อเจรจากันอีกครั้งในวันที่ 12 พฤศจิกายน เนื่องจากเจ้าของเต็นท์รถที่เป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจติดภารกิจอยู่ที่ต่างจังหวัด
เงินเฟ้อไทย ต.ค. เริ่มแผ่ว เหลือ 5.98% อานิสงส์น้ำมัน-อาหารสดราคาร่วง
2 ล้านครัวเรือนเสี่ยง "หนี้หนัก" เกิน 10 ปี กว่าจะหลุดพ้น
ผู้เสียหายบอกว่า ต้องการคืนรถคันดังกล่าวและยกเลิกสัญญาการเช่าซื้อกับทางธนาคารเจ้าของสินเชื่อเนื่องจากรู้สึกปลอดภัยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ไว้ใจ เจ้าของเต็นท์รถอีกแล้ว เพราะเมื่อ 3 เดือนก่อนหลังเกิดเหตุทางเต็นท์รับปากจะชดใช้ค่าเสียหายให้กับร้านสเต็กที่รถล้อหลุดไปชนร้านจนได้รับความเสียหาย แต่ทางเต็นท์ก็ไม่ทำและ แจ้งความประสงค์ว่าจะคืนรถหลายครั้งแต่ทางเต็นท์ก็บ่ายเบี่ยงทั้งที่ขับออกมาจากเต็นท์ไม่ถึง 100 เมตรล้อก็หลุด
ด้านทนายเดชา บอกว่า กรณีเช่นนี้ สคบ.ต้องเข้ามาตรวจสอบเรื่องการขายรถมือสอง ว่าเป็นไปตามกฎหมาย และฝ่ายปกครอง จ.นนทบุรี ต้องเข้ามาตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องใบอนุญาตค้าของเก่า และสิ่งที่สำคัญ ต้องตรวจสอบกลับไปที่ กรมการขนส่งทางบกว่าผ่านการตรวจสภาพรถคันนี้มาได้อย่างไร
ซึ่งจากการสังเกตทะเบียนรถยนต์ ที่รถอายุมากกว่า 10 ปี หน้าทะเบียนรถควรจะเป็นหมวดตัวอักษรสองตัวแต่กลับใช้ทะเบียนที่มีตัวเลขนำหน้า ซึ่งเป็นทะเบียนใหม่ และจากสำเนาเล่มรถยังพบว่าจดทะเบียนในปี 2563 ซึ่งอาจจะมีการเลี่ยงการตรวจสอบประวัติของรถหรือไม่ รวมถึงในสำเนาเล่มรถยังพบว่าไฟแนนซ์ล่าสุดที่มีการถือกรรมสิทธิ์ของรถคันนี้ เป็นลำดับที่ 10 จึงเชื่อว่ารถคันนี้ผ่านการใช้มาหลายมือและอาจจะอยู่ในสภาพที่ใช้งานหนักจนมากลายเป็นสภาพนี้
กรณีนี้อาจเข้าข่ายความผิด ขายของโดยหลอกลวงให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพหรือปริมาณแห่งของนั้นอันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ