บก.ปปป. เตรียมออกส่งหนังสือเรียกสอบหัวหน้าอุทยานฯ 16 หน่วย หลังพบว่ามีชื่อหน้าซองจ่ายส่วย

เผยแพร่ 28 ธ.ค. 2565 ,12:19น.

ตำรวจปปป. เตรียมเรียกหัวหน้า 16 หน่วยงานกรมอุทยานฯ ที่มีชื่อปรากฎอยู่หน้าซองเงิน เข้าให้ปากคำ ขณะที่อธิบดีกรมอุทยานฯ ไม่ยอมให้การใดๆ อ้างเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะตนเองมีปัญหาส่วนตัวกับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร

พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เปิดเผยว่า อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ ได้ใช้เงินสด 400,000 บาท ยื่นประกันตัว และได้รับการปล่อยตัวออกไปชั่วคราว ทางตำรวจก็ยังคงเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหว หากพบว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายจะหลบหนี ก็จะถอนการประกันตัวชั่วคราวทันที

ผู้การ ปปป. เปิดเผยต่อว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาไม่ยอมให้การใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งเรื่องเอกสาร เงินสด และเงินล่อซื้อในการจับกุม บอกเพียงว่าสาเหตุมาจากความโกรธเคืองส่วนตัวกับนายชัยวัตฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร

ก่อนถูกจับคดีเรียกรับเงิน ย้อนข้อมูลปี 63 อธิบดีกรมอุทยานฯมีทรัพย์สิน 63 ล.

ปลัด ทส.สั่งสอบอธิบดีกรมอุทยานฯเรียกรับเงิน ขีดเส้น 7 วันได้ข้อสรุป

แต่ทางตำรวจมั่นใจมีพยานหลักฐานมัดแน่น ไม่มีมวยล้มแน่นอน และจากการตรวจสอบซองเงินในที่เกิดเหตุ พบมี 21 ซอง หน้าซองมีการระบุชื่อบุคคลและหน่วยงาน ทั้ง 16 หน่วย 5 สาขา และจากการตรวจสอบย้อนหลัง พบมีพฤติกรรมเรียกรับเงินมาตั้งแต่รับตำแหน่งอธิบดีฯ ซึ่งในวันนี้ทาง บก.ปปป.จะส่งหนังสือให้หน่วยงาน และบุคคลที่มีชื่อหน้าซอง โดยเรียกหัวหน้าหน่วยมาให้ปากคำในฐานะพยาน

พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ บอกอีกว่า การจับกุมครั้งนี้ นอกจากผู้เสียหายที่มาร้องทุกข์ ยังมีข้าราชการอีกหลายคนที่มีคับแค้นใจ กดดัน กลัวจะถูกโยกย้ายจึงต้องหาเงินจากงบประมาณ มาส่งส่วยให้ทุกหน่วยงาน แม้หน่วยงานที่ได้งบประมาณน้อยยังต้องให้เดือนละ 2 พันบาท เพื่อไม่ให้ถูกโยกย้าย สำหรับเส้นทางการเงินอยู่ระหว่างตรวจสอบ จากนี้จะเร่งสอบปากคำ รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อให้ปปช. ชี้มูลความผิด ซึ่งจะเป็นดุลพินิจของปปช.ดำเนินการต่อไป

ขณะที่ นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้ออกมาเคลื่อนไหวบนโลกออนไลน์ หลังข่าวการบุกจับอธิบดีกรมอุทยานฯ โดยนายศศิน ได้แชร์โพสต์เก่าที่กรมอุทยานฯโพสต์ไว้เมื่อสามปีก่อน ซึ่งโพสต์ดังกล่าวเป็นประโยคที่นายศศินระบุไว้ว่า "เราได้ยินเรื่องนี้มาตลอด ไม่ทราบหรอกว่าจริงหรือเท็จ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงผมคิดว่าพอนานเข้าจะกลายเป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงใด ๆ ในระยะยาวองค์กรต้องล่มสลายแน่"

พร้อมระบุข้อความที่แชร์ในปัจจุบันว่า "เมื่อสามปีที่แล้ว ผมสามารถให้ข้อคิดเห็นแบบนี้ในเพจของกรมอุทยานฯ ได้ โดยระดับนโยบายก็ไฟเขียวให้ความเห็นแบบนี้ลงได้ เพราะเดาไว้ว่าระบบทุจริตเรื่องตำแหน่งน่าจะต้องกลับมาหลังจากซาไปนาน"