“ชัยวัฒน์” แฉเบื้องหลังอธิบดีกรมอุทยานฯ เรียกรับสินบน
เปิดภาพ“ซองส่วยรายเดือน” มัดอธิบดีกรมอุทยานฯ
โดยนายดํารงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ เปิดเผยกับทีมข่าว PPTV ว่า “เคาะกะลา” คำนี้มีมาทุกยุคทุกสมัย เช่นเดียวกับการวิ่งเต้นตำแหน่งมีทุกยุค แต่ส่วนตัวมองว่า ไม่ได้โจ่งแจ้งเท่าข่าวล่าสุดที่วิ่งจ่ายเงินถึงมืออธิบดีเลย
ทั้งนี้การย้ายตำแหน่ง ในทางปฎิบัติ มี 4 แบบ คือ ย้ายไปทำงาน ย้ายไปทำเงิน ย้ายเพราะทำผิดต้องเอาตัวมาตรวจสอบ และ ย้านเพราะเป็นเด็กฝาก ซึ่งคนมีอำนาจสั่งการต้องรู้ทันว่า กำลังจะย้ายเพราะเหตุผลใด
“เคาะกะลาก็คือเคาะเงิน มีทุกยุคทุกสมัย แต่การออกคำสั่งไม่เหมือนกันแต่ละอธิบดี คือเด็กก็รู้ว่าอธิบดีคนนี้เป็นอย่างไร วิ่งได้หรือไม่ได้ ผมก็มีวิ่งยุคผม แต่ผมก็ดูคน ว่าโจรหรือเปล่า หรือคนทำงาน” นายดํารงค์ กล่าว
เมื่อสอบถามว่าการเคาะกะลา เวลาเคาะกันแต่ละครั้ง จ่ายเงินเท่าไหร่ นายดำรงค์ กล่าวว่า พื้นที่สร้างรายได้มหาศาลให้รัฐ ส่วนใหญ่อยู่ที่อุทยานทางทะเล หากในพื้นที่มีการจ่ายส่วยหลายครั้งก็จะเคาะกะลาถึงหลักสิบล้าน
“จำนวนเงินหลักสิบ เลข 2 หลักขึ้นไป เฉพาะอุทยานทางทะเลนะ อันดับหนึ่งของประเทศคือ หมู่เกาะพีพี รายได้มาอันดับหนึ่งของประเทศ” อดีตอธิบดีกรมอุทยาน กล่าว
ขณะที่เรื่องการเซ็นย้ายข้าราชการ นายดำรงค์ กล่าวว่า ตามปกติ หากจะเซ็นย้ายข้าราชการระดับ C8 คนสั่งย้ายตำแหน่ง ต้องเป็นปลัดกระทรวง แต่วิธีการที่อธิบดีใช้กัน คือ การเซ็นคำสั่ง “ย้ายไปปฎิบัติหน้าที่” ห้ามความว่า ไม่ได้ให้ขาดจากตำแหน่งเดิม วิธีการแบบนี้ ระดับอธิบดีเซ็นโยกย้ายได้เลย ไม่ต้องผ่านปลัดกระทรวง
นอกจากนี้ นายดำรงค์ ได้เรียกร้องให้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แสดงความรับผิดชอบด้วยการพิจารณาตัวเอง มองว่า ควรลาออก มากกว่าการ แสดงความเสียใจ พร้อมเสนอว่า ควรเร่งล้างบางการแต่งตั้ง ของนายรัชฎา รื้อตำแหน่งใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะตำแหน่งหัวหน้าอุทยานทางทะเลทั้งหมด เพราะเป็นแหล่งรายได้