ไลน์มือขวาอธิบดีDSI หลุด! โยงตบทรัพย์ทุนจีนเทา


โดย PPTV Online

เผยแพร่




คดีตบทรัพย์ทุนจีน ที่ไปใช้บ้านของอดีตกงสุลใหญ่นาอูรู เป็นฐานปลอมแปลงวีซ่า และ พาสปอร์ต จากนั้น มีการตบทรัพย์ คนจีน ขอเงินเพิ่มเพื่อมาแบ่งกัน รวมถึง ยักยอกเงินของกลาง นำไปสู่การร้องเรียน และ เจ้าหน้าที่ทั้งหมด 16 คน ถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย มีการโต้เถียงกันว่า คดีนี้ หน่วยงานไหนเป็นเจ้าภาพ เพราะ ทั้ง กรมสอบสวนคดีพิเศษ และ ตำรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 โยนกันไปมา โดยเฉพาะ อธิบดี ดีเอสไอ เมื่อวาน ยืนยัน หนักแน่นว่า ดีเอสไอไม่ใช่เจ้าภาพบุกค้น

วานนี้ 17 ม.ค. 2566 นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยืนยันหนักแน่นว่า ดีเอสไอไม่ใช่เจ้าภาพหลักในการไปบุกค้นบ้านของอดีตกงสุลใหญ่นาอูรู พร้อมย้ำด้วยว่า ตำรวจ 191 เป็นเจ้าภาพ ดีเอสไอแค่เข้าไปช่วยทางสถานทูตดู

ข้อมูลนี้ขัดแย้งกับข้อมูลของทั้ง ตำรวจ191 และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รองผบ.ตร. ที่สอบปากคำและไล่เรียงคดีนี้ ยืนยันว่า คนที่เกี่ยวข้องกับการบุกค้นบ้านหลังดังกล่าว ให้การยอมรับว่า ดีเอสไอเป็นเจ้าภาพ

จับแล้ว! 16 ตำรวจ-ดีเอสไอ ตบทรัพย์นับล้าน แก๊งทุนจีนสีเทาแลกปล่อยตัว

“สมศักดิ์” สั่งเด้งฟ้าผ่า “ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์” พ้นอธิบดีดีเอสไอ

รวมถึงล่าสุด มีแชตหลุดออกมา เป็นการคุยกัน ของ คน 2 คน วันที่ 21 ธ.ค. 2565 (ก่อนวันเข้าค้นบ้านหลังดังกล่าว 1 วัน)  โดยตามรายงานระบุว่า ฝั่งของดีเอสไอ ทักมา ด้วยสติกเกอร์ไลน์ “สวัสดีครับ”

จากนั้น ระบุว่า รบกวนเพื่อน ประสาน ผกก.สายตรวจฯขอรับการสนุน ร.ต.อ.ณรงค์เดชฯ สายตรวจแผนก 2 เข้าร่วมตรวจค้นกรณีสถานกงสุลนาอูรูร้องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษช่วยตรวจสอบการแอบอ้างการเป็นเจ้าหน้าที่การทูตนาอูรู และ ใช้ป้ายทะเบียนรถสถานทูตปลอมครับพี่ครับ ก่อนจะส่งสติกเกอร์ไลน์ ต่อว่า “ขอบพระคุณครับ”

ทีมข่าวเราขอปิดชื่อ และ ภาพไลน์คนส่งไว้นะครับ บอกได้แค่ว่า เป็น ผู้อำนวยการกองคนหนึ่ง ของดีเอสไอ ซึ่งคนนี้ คือ คนที่ ถูกระบุว่า เป็นมือขวา และ หน้าห้องของอธิบดี (แหล่งข่าวในกรมบอกว่า คำว่าหน้าห้อง ไม่ได้หมายถึงเลขานะครับ แต่หมายถึงคนที่ทำงานให้)

ซึ่งชื่อ ร.ต.อ.ณรงค์เดช ที่อยู่ในข้อความแชต ไปตรงกับ รายชื่อ ตำรวจ 191 ที่ร่วมภารกิจครั้งนี้ และ ถูกออกหมายจับในคดีนี้ด้วย

ทีมข่าวสอบถามไปที่แหล่งข่าวในดีเอสไอ ว่า ตอนนี้ อธิบดีถูกสั่งย้ายไปปฎิบัติราชการที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แล้ว “มือขวา” เจ้าของไลน์ที่หลุดออกมายังทำงานอยู่ที่เดิมหรือไม่ แหล่งข่าวบอกว่า ยังอยู่ที่เดิม คือ ยังเป็น ผู้อำนวยการกอง แห่งหนึ่งของดีเอสไออยู่

อีกข้อมูลที่น่าสนใจและอาจเป็นหลักฐานสำคัญที่จะพิสูจน์ได้ว่า ดีเอสไอ รู้เห็นเรื่องความผิดปกติของกลุ่มคนจีนภายในบ้านพักของกงศุลใหญ่นาอูรูหรือไม่ คือ เอกสารที่สำนักข่าวอิศรานำเสนอว่าเป็นต้นทางของปฏิบัติการนี้

เอกสารฉบับนี้คือหนังสือจาก Mr.John Yu รองกงสุลใหญ่ สถานกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย ลงวันที่ 9 ธ.ค. ส่งถึงอธิบดีดีเอสไอโดยตรง มีข้อความระบุว่า สถานกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย ได้รับการร้องเรียนเรื่องการเช่าบ้านพักอาศัยส่วนตัวของกงสุลใหญ่กับภรรยาและลูก ซึ่งมีพฤติการณ์ได้กระทำการอันเป็นการผิดกฎบ้านพักส่วนตัวหลายข้อ เช่น มีรถป้ายขาว (ทะเบียนรถสำหรับประชาชนทั่วไป) วิ่งเข้าออกเกือบตลอดเวลา จนถึงยามวิกาลตีสามตีสี่

ทั้งที่เงื่อนไขของที่พักแห่งนี้ ให้สิทธิเฉพาะกงสุลใหญ่กับภรรยาและลูกเท่านั้น แต่กลับมีคนเอเชีย(น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลเชื้อสายจีน) เข้าออกบ้านตลอดเวลา มีพฤติการณ์รบกวนผู้พักอาศัยรอบบ้านจนมีการร้องเรียนมายังเจ้าของบ้านเช่า (ซึ่งมีทูตประเทศอื่นพักอาศัยอยู่ด้วย) ซึ่งทางเจ้าของบ้านเช่ามีความกังวลใจ จึงขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

โดยต่อมาวันที่ 16 ธ.ค.2565  ชุดปฏิบัติการด้านการข่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษทำเรื่องขอเดินทางไปปฏิบัติราชการ ระหว่างวันที่ 20 ธ.ค.2565 -20 ม.ค.2566 กรณีกลุ่มทุนชาวต่างชาติเข้าถือครองอสังหาริมทริพย์และอาจเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย และมีการเสนอตามขั้นตอน ก่อนที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงนามอนุมัติเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2565 พร้อมแจ้งให้รายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ให้ทราบภายใน วันที่ 4 ก.พ.2566 

หลักฐานนี้จึงเป็นอีกข้อสังเกตว่า ดีเอสไอเป็นเพียงหน่วยสนับสนุนจริงหรือไม่ เพราะหากเป็นไปตามหลักฐาน นั่นหมายความ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษรับรู้เรื่องปฏิบัติการตั้งแต่แรกและติดตามความคืบหน้าด้วย 

สำหรับคดีนี้ อีกคนที่ออกมาแฉ และ เปิดวงจรปิดหน้าบ้านกงสุลใหญ่ คือ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมือง เขาให้สัมภาษณ์เราเมื่อวันก่อน ว่า  ผอ.กอง ที่เป็นมือขวาคนนี้ ประสานไปที่ รองผู้การ 191 จากนั้น ก็มีการประสานต่อไปที่ รองผบช.น. เพื่อขอกำลังสนับสนุน และ ขอออกหมายค้น ส่วนการลงตรวจ มือว่า ระดับ ผอ.กอง คนนี้ไม่ได้ไปด้วย แต่เจ้าหน้าที่ที่ไป เมื่อตบทรัพย์แล้ว มีการโทรรายงานนาย

ส่วนเมื่อวานนี้ นายชูวิทย์ให้สัมภาษณ์อีกรอบ แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า คดีนี้ไม่ง่าย แทนที่ จะได้จับกลุ่มทุนจีน กลายเป็นว่า ต้องมาไล่จับเจ้าหน้าที่กันเอง พร้อมมองว่า งานนี้งานใหญ่ ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. เพราะกลายเป็นการรบกับคนกันเอง

สำหรับคดีนี้ ตอนนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กำลังไล่เรียงคดีนี้ ล่าสุดมีการระบุว่า เดี๋ยวจะต้องมีการสอบสวนไปถึงตัวอธิบดีด้วย เพราะ เมื่อวานนี้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้ายื่นหลักฐานพร้อมขอให้มีการเอาผิด อธิบดีดีเอสไอด้วย เนื่องจากมองว่า อาจจะเอี่ยวกับการตบทรัพย์ทุนจีน

TOP สังคม
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ