ที่โรงพยาบาลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ขบวนรถกู้ภัยของมูลนิธฮุก 31 นครราชสีมา ทยอยเดินทางเข้ามารับร่างผู้เสียชีวิต 11 ศพ จากอุบัติเหตุรถตู้พลิกคว่ำจนเกิดเพลิงไหม้ เพื่อนำส่งไปยังโรงสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อ ตรวจหาอัตลักษณ์ตัวบุคคลด้วยการตรวจดีเอ็นเอจากญาติของผู้เสียชีวิต โดยญาติของผู้เสียชีวิตทั้งหมดต่างเดินทางไปยังสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจหมดแล้ว
“คอนเต้” กระตุ้น “สเปอร์ส” กลับมาคว้าชัย
"ชูวิทย์" เกาะติดศาลนัด "ตู้ห่าว" ให้การนัดแรก
โดยนายบรรพรต เกิดแก้ว เจ้าหน้ากู้ภัยฮุก 31 นครราชสีมา หัวหน้าชุดที่นำร่างของผู้เสียชีวิตไปส่งยังโรงพยาบาลตำรวจบอกว่า เบื้องต้นวันนี้มูลนิธิพุทธรรมฮุก 31 นครราชสีมา ได้นำรถฉุกเฉินทั้งหมด 5 คัน เพื่อมารับร่างของผู้เสียชีวิตโดยต้องไปรับจาก โรงพยาบาลใกล้เคียง คือ โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา 3 ร่าง โรงพยาบาลสูงเนิน 1 ร่าง และ โรงพยาบาลสีคิ้ว 7 ร่าง เพราะก่อนหน้านี้โรงพยาบาลสีคิ้วไม่มีพื้นที่เก็บศพได้เพียงพอ ก่อนจะออกเดินทางมายังสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ
ส่วนความคืบหน้าการหาสาเหตุของอุบัติเหตุ พันตำรวจเอกยงยศ พลเดช ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสีคิ้ว เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางคดีความยังต้องรอผลตรวจจากทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานของทางตำรวจภูธรภาค 3 ก่อน และยังต้องรอสรุปผลตรวจรถจากทางสำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมาเพื่อยืนยันถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุจนเกิดเพลิงลุกไหม้ แต่ข้อมูลเบื้องต้นจากทางสำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา ทราบว่าเป็นรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง 2 ระบบ คือระบบน้ำมันและระบบก๊าซ ซึ่งถังที่บรรจุก๊าซซีเอ็นจี ไม่พบร่องรอยแตกร้าวหรือความเสียหายที่เกิดจากการชนแต่อย่างใด
ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้รถตู้คาดว่าเกิดจากการชนจนทำให้มีน้ำมันเชื้อเพลิงรั่วซึมออกมา ประกอบกับรถตู้ได้เสียดสีกับแผงกั้นเหล็กจนเกิดประกายไฟ ทำให้เกิดไฟลุก ส่วนจะเป็นเพราะคนขับหลับในหรือไม่ไม่สามารถพิสูจน์ได้เนื่องจากคนขับเสียชีวิตและผู้รอดชีวิตไม่เห็นเหตุการณ์ นอกจากนี้จากการตรวจสอบการใช้ความเร็วพบวิ่งด้วยความเร็ว 82 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ส่วนกล้องในรถถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด
เมื่อปี 2562 รัฐบาลตั้งเป้าว่าจะยกเลิกรถตู้โดยสารข้ามจังหวัด เนื่องจากพบว่าเกิดอุบัติเหตุบ่อย สอดคล้องกับข้อมูลของศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย ที่พบว่าโครงสร้างของรถตู้ไม่เหมาะที่จะนำมาบรรทุกคน
ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย พบว่าโครงสร้างของรถตู้โดยสารแทบทุกจุดเป็นอันตรายกับผู้โดยสารหากเกิดเหตุ
1.ประตูขึ้น-ลงมีทางเดียว หากรถพลิกคว่ำหรือตะแคงซ้าย ประตูก็จะเปิดไม่ได้
2.หน้าต่างขนาดเล็ก หากตัวรถ หรือห้องโดยสารเกิดปัญหา ได้รับความกระทบกระเทือน ช่องหน้าต่างอาจจะเล็กลง ทำให้ออกได้ยาก โดยเฉพาะคนที่ตัวใหญ่
3.ที่นั่งคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า แคบและมีระยะชิดกันมาก จะเป็นอันตรายหากรถชนท้ายรถคันอื่น
4.พื้นที่ภายในตัวรถคับแคบ มีอยู่อย่างจำกัด หากเกิดการชนด้านข้าง คนที่นั่งที่นั่งริม มีโอกาสได้รับอันตรายสูง
5.ที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังมี 4 แถว แถวสุดท้ายในสุด มี 4 ที่นั่ง ขึ้น-ลง ลำบาก
6.รถส่วนใหญ่จะติดตั้งถังแก๊สเชื้อเพลิงไว้ใต้เบาะแถวหลังสุด ถังพวกนี้มีน้ำหนักมาก ซึ่งจะส่งผลต่อสมดุลของตัวรถ
7.ประตูท้าย เบาะหลังมี 4 ที่นั่ง สูงกว่าแถวอื่น ประตูหลังจะใช้ไม่ได้
ข้อมูลของศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย ยังระบุด้วยว่า อุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะในประเทศไทย ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับประเภทรถโดยสารสาธารณะ 3 ประเภท ได้แก่ รถตู้ รถบัสชั้นเดียว และรถบัสสองชั้น โดยรถตู้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุสูงกว่ารถบัสชั้นเดียวถึงสองเท่า ส่วนอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถตู้สาธารณะ นั้นสูงกว่าอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถบัสชั้นเดียวถึงสองเท่าเช่นกัน
“คริปโทควีน” เจ้าแม่หลอกลงทุนคริปโทฯ หญิงที่ FBI ต้องการตัวมากที่สุด
ชาวจีนแห่ขอพรสุขภาพดี รับตรุษจีน 2566 หลังสถานการณ์โควิด19 ยังน่าเป็นห่วง