คลิปรีวิวของสาวชาวจีนคนดังคนนี้ ความยาว 1 นาที 58 วินาที เธอนั่งเล่า รีวิวประสบการณ์ ตำรวจมารับที่สนามบินสุวรรณภูมิ และ ไปส่งที่พัทยา ใช้เวลาเดินทางแค่ 1 ชั่วโมง จากปกติ 3 ชั่วโมงโดยเธอจ่ายเงินไป 6,000 – 7,000 บาท
หากไล่ดูแบบละเอียดพบว่า ช่วงที่เธอลงจากเครื่องบิน เธอบอกว่า “เพิ่งลงจากเครื่องก็เจอตำรวจเลย” จากนั้นเธอเปลี่ยนกล้องจากกล้องหน้าเป็นกล้องหลัง แพลนภาพไปเห็น ผู้ชายถือป้ายชื่อเธอรออยู่
เด้ง 2 ตำรวจ โผล่คลิปสาวจีนรีวิวเข้าไทย จ้างลัดคิว ตม. ขับรถนำขบวนให้
“เพจลุยจีน” เผย คนจีนจ้างตร.นำขบวนมีมานาน
พร้อมผายมือ นำเธอเดินออกไปด้านหน้า ก่อนที่เธอจะบอกว่า ตัวเธอคิดว่าตำรวจจะรออยู่ประตูด้านนอก ที่ไหนได้รอที่ประตูเครื่องบินเลย
จากนั้น เธอก็ถ่ายตอนที่ตำรวจ เดินนำเธอไปเข้าแถว ที่ด่านศุลกากร ไม่ต้องเข้าแถว ใช้เวลา 5 นาทีก็เรียบร้อย ถัดจากนั้น ช่วงรับกระเป๋า เธอก็บอกว่า เธอไม่ต้องรอคิวเลย มีคนเอากระเป๋ามาให้ และเมื่อออกมาถึงด้านนอกสนามบิน พบว่า มีรถยนต์ จอดรออยู่และ มีรถจักรยานยนต์ตำรวจ จอดรออยุ่ด้วย
ตามข้อมูลที่พบหลังเรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ คือ มีการระบุว่า รถจักรยานยนต์เป็นรถส่วนตัว ที่เอามาดัดแปลง เป็นรถตำรวจ เรื่องนี้ทำให้ นายตำรวจที่อยู่ในคลิป ถูกแจ้งข้อหาด้วย
แต่รถอีกคันที่น่าสนใจ คือ รถยนต์ ที่อยู่ต่อจากรถจักรยานยนต์ มีตราสัญลักษณ์ติดอยู่ มองจากในคลิป คล้ายๆ ตราสัญลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ถัดจากนั้นเมื่อรถออก ก็พบว่า มีการเปิด ไซเรนท์ วิ่งบนถนน ทำให้ สาวชาวจีน บอกว่า เธอไปถึงพัทยา ด้วยเวลาเพียง 1 ชั่วโมง เท่านั้น จากปกติที่ต้องใช้เวลาเดินทางนานถึง 3 ชั่วโมง
บริการVVIP นี้ถูกนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตนักการเมือง ที่ตามแฉเรื่องทุนจีนสีเทามาหลายเดือน ออกมาให้ความเห็นว่า กรณีแบบนี้มีมานานมากแล้ว พร้อมเล่าว่า ก่อนหน้านี้ที่มีคนจีนเข้ามาเที่ยวในไทยจำนวนมาก เคยมีกรณีจ่ายเงินคนละ 500 บาท เพื่อแลกกับการที่ไม่ต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในการทำ Visa On arrival ด้วย
นายชูวิทย์ บอกด้วยว่า คนจีนเหล่านี้มองว่า กฏหมายไทยไม่เข้มแข็ง เข้าหน้าที่รัฐทำผิดเสียเอง ทำให้ต่างชาติหัวเราะเยาะ เรื่องนี้คล้ายกับที่ นายตู้ห่าวเคยพูดไว้ในคลิปที่เขาแฉ คือ ประเทศไทย"มีเงินน่ะทำได้ทุกอย่าง" พร้อมย้ำว่า ทุกคนต้องช่วยกันทำให้ต่างชาติรู้ว่า ประเทศเรา ให้เป็น "มีเงินก็ทำไม่ได้" ทำตามกฎหมายดีกว่า
หากเราไล่ดู หลักเกณฑ์การใช้รถนำขบวนแบบถูกกฎหมาย จะพบว่า รถนำขบวนสามารถขอใช้ได้ แต่ต้องเข้าหลักเกณฑ์ เช่น
ขบวนที่มีความจำเป็นต้องใช้รถตำรวจนำขบวนเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน เช่น รถนักเรียน
ขบวนเดินทางไปประกอบศาสนกิจหรือพิธีการที่มีรถหลายคัน หรือ กรณีมีความเร่งด่วนของบุคคลทางราชการที่เดินทางไปปฏิบัติราชการ
โดยเส้นทางที่จะไปเป็นเส้นทางอันตรายและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง หรือ มีจำนวนรถในขบวนหลายคัน เช่น รถโดยสารไม่ประจำทาง 8 คัน หรือรถยนต์ 10 คัน หรือรวมกัน 10 คันขึ้นไป และต้องมีรถวิทยุตรวจการณ์เพียงพอ ไม่กระทบภาคกิจหลักหรือถวายความปลอดภัย
ส่วนเอกสารที่ใช้ขอรถนำขบวน ประกอบด้วย หนังสือจากหน่วยงาน แสดงเหตุผลความจำเป็น จำนวนรถในขบวน วันเวลาและเส้นทาง และระบุชื่อผู้ประสานงานพร้อมหมายเลขโทรศัพท์ ส่งไปที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง
- คอนเทนต์พิเศษ
สำหรับคุณ - TOP สังคม
- วิดีโอยอดนิยม
