นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ยังแฉเพิ่มเติ่ม ประเด็นตำรวจรีดไถส่วยดาราไต้หวัน โดยระบุว่า ตนรู้ เพราะว่าเขามีข้อมูลว่าตำรวจที่ตั้งด่านนั้นจำเป็นต้องเก็บส่วนส่งให้นาย เชื่อว่าเงินที่ไถนักท่องเที่ยวไปคงไม่ได้เข้ากระเป๋าตัวเอง
พร้อมแจกแจงว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล รับเงินจาก 2 ส่วน คือ สถานีตำรวจนครบาล 88 แห่ง จ่ายสถานีละ 3 ล้านบาทต่อเดือน และอีกส่วนคือจราจรกลาง เดือนละ 60 ล้านบาท รวมทั้งหมดนี้ บช.น.จะได้รับเงินเดือนละ 324 ล้านบาท
โดยเงินก้อนนี้ นายชูวิทย์ย้ำว่าไม่ใช่เงินค่าปรับ แต่เป็นเงินที่รีดไถประชาชนส่งส่วยให้นายอีกที
หากแยกเป็นประเภทความผิด รวมถึงค่าปรับ เช่น เมา 30,000 บาท , ฉี่ม่วง 100,000 บาท , พบยาเสพติด 3-5 แสนบาท , พบอาวุธ 3-5 หมื่นบาท , ควันดำ 10,000 บาท , บุหรี่ไฟฟ้า 30,000 บาท
นายชูวิทย์ ย้ำว่าปัจจุบันมีการปราบปรามบ่อนมากขึ้น ตำรวจอาจจะเก็บส่วยจากบ่อนไม่ได้ก็เลยมาเก็บจากด่านหรือไม่ เพราะด่านนั้นมีราคา ถ้าเป็นไปได้ควรจะยกเลิกระบบการตั้งด่านไปเลย
"เพราะบ่อนมันเปิดไง ก็เลยต้องไปตั้งด่านหากิน คือ ไอ้เด็กๆ พวกนี้มันก็น่าเห็นใจ ว่าจะไปทำงานเท่าไหร่ รีดไถคนเท่าไหร่ เพื่อเอาเงินไปส่งนาย วันละแสนตั้งไว้เลย มันก็ต้องไปหา ไอ้นี่ 3 หมื่น ไอ้นี่ 2 หมื่น คือหรอ 27,000 มันเอาไปแบ่ง 3 คน ไม่มีทาง มันต้องไปกองกลางเท่าไหร่ มันอาจจะได้คนละ 3,000 - 4,000 บาท แล้วนี่คือระบบประเทศไทยหรือครับ"
และจังหวะที่ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาแถลงข่าวหลังจบการสอบปากคำนายสกาย ทีมข่าวพยายามสอบถามกับประเด็นที่ นายชูวิทย์ ตั้งข้อสังเกตด้วย ว่า มีการตั้งด่านเก็บส่วยส่งนายจริงหรือไม่ ประเด็นนี้โฆษกบอกเพียงแค่สั้นๆว่า ประชาชนสามารถร้องเรียนเข้ามาได้ ไม่ได้ตอบคำถามนี้ตรงๆ แต่ว่าจังหวะนี้ นายชูวิทย์ นั่งอยู่ติดกับผู้สื่อข่าวพีพีทีวี ก็กระวิบว่าถามตรงๆแบบนี้ได้อย่างไร ถ้าตอบว่าจริงก็ซวย
