ศ.นพ.วิปร วิประกษิต ประธานกรรมการบริษัท แอทยีนส์ จำกัด นำใบแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 มาใช้แจ้งความกับนักท่องเที่ยวชาติหนึ่ง ที่ซื้อใบแสดงผลการตรวจหาเชื้อ มาแสดงกับเจ้าหน้าที่สำนักการบิน ก่อนจะถูกตรวจพบว่า เอกสารดังกล่าวถูกปลอมแปลง โดยแอบอ้างใช้แบบฟอร์มจากห้องปฏิบัติการของตัวเอง ทั้งที่ไม่ได้มีการตรวจจริง
โดยใบแสดงผลตรวจที่มีการปลอมแปลงขึ้น มีข้อสังเกต 3 จุด ที่ไม่เหมือนใบแสดงผลตรวจจริง จุดที่ 1 คือ โลโก้ของบริษัทที่เป็นโลโก้เก่า จุดที่ 2 คือ ลายน้ำที่มีการตัดแปะไม่ปราณีต
และ จุดที่ 3 คือ คิวอาร์โค้ดแสดงผลเป็นของปลอม เชื่อมไปยังเว็บแสดงผลที่ไม่ใช่ของห้องปฏิบัติการ
ศ.นพ.วิปร ระบุว่า พบครั้งแรก เมื่อเดือนธันวาคม ที่สนามบินภูเก็ต ระหว่างกำลังจะเดินทางกลับประเทศ ซึ่งมีการบังคับให้ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR แต่กลับไม่ได้ตรวจหาเชื้อไว้ก่อน เมื่อมาเช็กอินที่หน้าเคาท์เตอร์ เจ้าหน้าที่สายการบินจึงทักท้วง ก่อนที่นักท่องเที่ยวคนดังกล่าว จะกลับมาใหม่พร้อมเอกสารผลตรวจหาเชื้อภายในเวลา 1 ชั่วโมง ทั้งที่การตรวจด้วยวิธี RT-PCR ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4 ชั่วโมงกว่าจะทราบผล
เจ้าหน้าที่สายการบิน จึงสอบถามมาที่ห้องปฏิบัติการ ถึงได้รู้ว่ามีการปลอมแปลงเอกสารแสดงผลตรวจเชื้อของห้องปฏิบัติการตัวเอง โดยตอนนี้พบนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก่อเหตุในลักษณะนี้แล้วทั้งหมด 4 คน แต่เชื่อว่าอาจจะมีที่เจ้าหน้าที่ตรวจไม่พบ แล้วหลุดลอดบินกลับประเทศไปมากกว่านี้
ศ.นพ.วิปร ยอมรับอีกว่า มีความกังวลใจ เพราะ ส่งผลกระทบต่อห้องปฏิบัติการของตัวเอง และภาพลักษณ์ของประเทศไทยด้วย
ตอนนี้จึงได้หาช่องทางให้กับเจ้าหน้าที่สายการบิน หากพบใบแสดงผลตรวจเป็นของห้องปฏิบัติการตัวเอง สามารถนำเลขพาสปอร์ต หรือ เลขการตรวจมาค้นหา เพื่อดูว่า เป็นใบแสดงผลจริง หรือ ปลอมได้ ส่วนนักท่องเที่ยวที่มีการปลอมแปลงใบผลการตรวจได้แจ้งความนักท่องเที่ยวไว้ที่สน.ตลิ่งชัน ในข้อหาปลอมแปลงเอกสารแล้ว