กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ ขอรายงานผลการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ระหว่างวันที่ 24 ก.พ. - 2 มี.ค. 2566 ดังนี้
ระหว่างวันที่ 24-25 ก.พ. 2566 พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอาจมีแนวโน้มฝุ่นละอองขึ้นสูงได้ในบางพื้นที่ ส่วนพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีแนวโน้มฝุ่นละออง PM2.5 ขึ้นสูงในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างระหว่างวันที่ 24-25 ก.พ. และ 1-2 มี.ค. 2566
อย่างไรก็ตาม ช่วงต้นเดือนมี.ค. 2566 เป็นช่วงที่ควรเฝ้าระวังทั้งสองพื้นที่
ปภ. แนะ รับมือ-ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5
เรียนรู้อยู่กับ PM 2.5 รู้จักวิธีการทำงานของเครื่องฟอกอากาศแบบ ฟิลเตอร์ VS ไอออน
ขณะที่ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) ไทยพบจุดความร้อนวานนี้ (22 ก.พ. 2566) จำนวน 1,984 จุด ในขณะที่จุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านอย่างสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ยังคงเป็นอันดับหนึ่งอยู่ที่ 3,790 จุด รองลงมาคือกัมพูชา 2,733 จุด ตามด้วยประเทศไทย, สปป.ลาว 1,274 จุด, เวียดนาม 168 จุด และมาเลเซีย 15 จุด
สำหรับจุดความร้อนในประเทศไทยส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 736 จุด ป่าสงวนแห่งชาติ 570 จุด พื้นที่เกษตร 277 จุด ชุมชนและอื่นๆ 194 จุด พื้นที่เขต สปก. 192 จุด และริมทางหลวง 15 จุด จังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 5 อันดับคือ ตาก 171 จุด ,กาญจนบุรี 148 จุด, กำแพงเพชร 147 จุด, ชัยภูมิ 145 จุด,อุตรดิตถ์ 111 จุด ตามลำดับ
ส่วนค่าฝุ่น PM2.5 เมื่อตรวจสอบจากแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” เมื่อเวลา 9.00 น. พบว่าหลายพื้นที่ทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออาทิ น่าน หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี อยู่ระดับที่เริ่มมีผลต่อสุขภาพ ส่วนของกรุงเทพมหานครนั้น อยู่ในระดับปานกลาง แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนออกจากบ้านควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่อาจจะตามมา
สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อนคือ PM 2.5 สถานการณ์การจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพจากประแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม
ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรงได้ GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่