จากกรณี สองตายาย ชาวปากช่อง อ้างว่าถูกลูกสาวคนเล็กวางยากล่อมประสาทจนเกือบทำให้เสียสติ แล้วโอนเงิน โอนที่ดินไปเป็นชื่อของตัวเองหมดทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ยกให้ ตา-ยายเลยต้องการสมบัติคืน มีการฟ้องร้อง และมีการไปตรวจเส้นผมหาสารเสพติดดพื่อใช้เป็นหลักฐาน
โดยศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์รัฐบาล ได้ส่งตายายไปตรวจเส้นผมหาสารเสพติด ซึ่งผลตรวจปรากฏว่าเส้นผมของยายพบสารเสพติดที่ออกฤทธิ์กล่อมประสาทชนิดรุนแรง 1 ตัว ซึ่งสารเสพติดที่พบเป็น 1 ใน 28 สารเสพติดกลุ่มยาเสพติดควบคุมชัดเจน แต่ในส่วนเส้นผมของตาไม่พบสารเสพติด
ตา-ยาย ร้องทุกข์ ลูกสาวให้กินยากล่อมประสาท ก่อนฮุบมรดก-ที่ดิน 500 ล้าน
เปิดคลิปนาที ตา-ยาย รู้ตัว ถูกลูกคนเล็กฮุบสมบัติ 500 ล้าน
โดยความรู้สึกของยายวัย 80 ปีหลังรู้ผลตรวจสารเสพติดในเส้นผมว่ามีสารเสพติดจริง โดยคุณยายถูกลูกสาวแท้ๆและลูกเขย แอบเอายากล่อมประสาทให้กินนานถึง 3 ปี เพื่อหวังให้เป็นคนเสียสติแล้วฮุบสมบัติมูลค่ามากกว่า 500 ล้านบาท ยายถึงกับตั้งคำถามว่า ทำกับแม่ได้อย่างไร หวังให้ตายเลยเหรอ หลังจากนี้ไม่ต้องมาเป็นลูกเป็นแม่กันอีก ตัดขาดกันไปเลย ส่วนตาวัย 83 ปี ก็พูดเหมือนกันว่า ทำเหมือนไม่ใช่พ่อ ขอตัดขาดความเป็นพ่อเป็นลูก และเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รอง ผอ. สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม บอกว่า จากการตรวจสอบเส้นผมของยายในช่วงเวลาที่ยายอาศัยอยู่กับลูกสาวคนเล็กมีตัวยาหนึ่งที่ผิดแปลกไปจากตัวยาที่กินรักษาโรคในขณะที่อาศัยอยู่กับลูกสาวคนโต ซึ่งตัวยานี้ตรวจไม่พบหลังจากที่ยายออกมาจากบ้านลูกสาวคนเล็ก
ยานี้เปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย ๆ คืออยู่ตรงกลางระหว่างยาพาราเซตามอลกับมอร์ฟีน คือ พาราเซตามอลใช้แก้อาการปวดที่ไม่รุนแรง แต่มอร์ฟีนใช้กับอาการปวดที่รุนแรง ดังนั้น สารเสพติดที่พบในเส้นผมของยายจะอยู่กลาง ๆ แต่ก็เป็น 1 ใน 28 สารเสพติดที่ต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์และเภสัชกรเท่านั้น
นพ.ศราวุธ สุจริตธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนิติเวช และโฆษกสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ บอกว่า สารที่พบในเส้นผมยายเป็นยาควบคุมหากแพทย์สั่งจ่ายคู่กับกลุ่มยาที่ยายใช้รักษาโรคประจำตัวอยู่ประมาณ 6-7 ตัวจะทำให้เกิดความผิดปกติของสารสื่อประสาท จะมีอาการปากแห้ง คอแห้ง ซักเกร็ง กล้ามเนื้อเกร็งกระตุก ประสาทหลอน สติสัมปชัญญะผิดไปจากเดิม
เมื่อทราบผลตรวจอย่างเป็นทางการว่ามีสารเสพติดในร่างกาย ตาและยายก็จะกลับไปแจ้งความที่ปากช่อง ส่วนลูกสาวคนโตของตาและยายก็บอกว่าจะแจ้งดำเนินคดีกับน้องสาวเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน โดยหลังเกิดเรื่อง ลูกสาวคนเล็กและลูกเขยได้หายออกจากบ้านไป
ด้านทนายก็เปิดเผยว่า กรณีที่พิสูจน์ทราบว่าวางยาพ่อแม่จริงก็จะมีฐานความผิดทำร้ายร่างกาย ตรงนี้ต้องดูเจตนาด้วยว่าตั้งใจแค่ให้เสียสติหรือตั้งใจถึงขั้นเสียชีวิต ถ้าถึงขั้นเอาชีวิตก็จะเจอข้อหาเจตนาฆ่าแต่ถ้าแค่สติไม่ดีเพื่อหลอกให้เซ็นเอกสารยกสมบัติ จะเป็นข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่โทษก็จะหนักเพราะทำร้ายบุพการี และอาจจะโดนข้อหาปลอมแปลงเอกสารด้วย
ตรวจหวยงวดนี้ - ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ลอตเตอรี่ 1/11/66
เปิดสถิติ แบรนด์สมาร์ตโฟนที่ครองใจชาวไทยมากสุด ไตรมาส 3 ปี 2566
กาง "ปฏิทินเงินเดือนข้าราชการปี 67" พร้อมเปิดเงื่อนไขให้แจ้งหากต้องการรับ 2 รอบ