กล้องวงจรปิดหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด สามารถจับภาพนายนิรุจน์ ชะลุยรัตน์ อายุ 46 ปี ก่อนเสียชีวิตได้ไว้ ในเช้าวันที่ 21 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 06.49 น. จะเห็นว่านายรุจน์ ใส่เสื้อยืด สีขาวกางเกงขาสั้น ออกมาเดินเล่นรอบหมู่บ้านก่อนที่จะเดินกลับเข้าบ้าน ต่อมาเวลา07:26 นายนิรุจน์ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากหมู่บ้านคาดไปซื้อของที่ตลาด จากนั้นเวลา 07.38 น. นายนิรุจน์ ขี่รถจักรยานยนต์กลับเข้าบ้าน ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิด ไม่เห็นคนนอกหมู่บ้าน หรือบุคคลต้องสงสัยแต่อย่างใด
เณรวัย 14 ปี ถูกพระวัดดัง ใช้หวายตี-เตะเสยคาง อ้างลงโทษตามกฎวัด!
เปิดหลักฐานคดี “น้องโยโกะ” เสียชีวิตปริศนา ฆ่าตัวตาย หรือ ฆาตกรรม?
และหลังจากเช้าวันนั้นก็ไม่พบว่านายนิรุจน์ ออกจากบ้านแต่อย่างใด กระทั่งวันที่ 27 มกราคม 2567 มีผู้ไปพบศพนายนิรุจน์ อยู่บนชั้น 2 ของบ้านสภาพกะโหลกศรีษะแตก นอนอยู่ที่พื้น
นายอรรถวิทย์ ชะลุยรัตน์ อายุ 48 ปี ลูกพี่ลูกน้องของ นายนิรุจน์ ผู้ตาย เล่าว่า ปกติผู้ตายพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวเพียงลำพัง หลังจากวันที่ 2 มกราคม 2567 ที่กล้องวงจรปิดจับภาพผู้ตายไว้ได้เป็นครั้งสุดท้าย ก็ไม่มีใครติดต่อได้อีกเลย กระทั่งวันที่ 27 มกราคม ญาติจึงมาตามหาที่บ้านก็พบว่ากลายเป็นศพ แจ้งตำรวจภูธรปากเกร็ดมาตรวจสอบ พบว่าในบ้านไม่มีร่องรอยการงัดแงะ ทรัพย์สินไม่สูญหาย และไม่น่าจะตกจากที่สูง ตอนแรกตำรวจสรุปสาเหตุการเสียชีวิตว่า เสียชีวิตด้วยตัวเอง
แต่ที่แปลกคือ ผลชันสูตรที่ออกมา ระบุว่า กะโหลกศีรษะแตก และพบกระดูกสันหลังส่วนคอและอกหัก ซึ่งแพทย์ได้บอกว่าไม่สามารถตายด้วยตนเองได้ ต้องถูกทำร้าย
หลังเกิดเหตุตำรวจได้สอบสวนเพื่อนบ้าน ก็ให้ปากคำตรงกันว่า ช่วงวันที่ 21-27 มกราคมไม่พบความผิดปกติ หรือบุคคลต้องสงสัยในหมู่บ้านแต่อย่างใด ขณะที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านที่เกิดเหตุพบว่า ที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์โฮม 3 ชั้นเนื้อที่ประมาณ 24 ตารางวา ซึ่งตอนนี้ญาติของผู้เสียชีวิตได้ประกาศขายบ้านหลังนี้
จุดที่พบศพ คืออยู่ที่บริเวณหน้าห้องน้ำชั้น 2 ซึ่งพบว่าญาติได้เข้ามาทำความสะอาด ตำรวจ และเจ้าหน้าที่เขาพิสูจน์หลักฐานได้เข้ามาเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว
ทีมข่าวได้สำรวจภายในบ้านไม่พบจุดที่ผิดปกติแต่อย่างใดจุดที่ญาติบอกว่า นายนิรุจน์ มักจะสูบบุหรี่ คือ บริเวณชั้นสองที่เป็นระเบียง รวมถึงบริเวณหน้าบ้านที่ออกมาสูบบุหรี่เป็นประจำ ซึ่งหากมีคนเข้ามาก็สามารถเข้ามาทางชั้น2 ได้
ส่วนประเด็นที่จะนำไปสู่การฆาตกรรม นายอรรถวิทย์ เปิดเผยว่า ธุรกิจเครื่องจักรโรงงานที่ผู้ตายทำอยู่นั้นไม่มีคู่ขัดแย้งเพราะอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่นายนิรุจน์เพียงคนเดียว และนายนิรุจน์ก็ไม่เคยมีปัญหากับคนภายในหมู่บ้าน
ญาติผู้ตายก็บอกว่า ทุกคนในครอบครัวเชื่อว่าเป็นการฆาตกรรม และหากยังจับคนร้ายไม่ได้ รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และชาวบ้านที่อยู่ภายในหมู่บ้านก็ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวง
ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า การตายแบบนี้ถือเป็นการตายที่ค่อนข้างผิดปกติ เชื่อว่าจะต้องมีฆาตกรรมอย่างแน่นอน แล้วยังมีอีกหลายประเด็นที่ยังสงสัย เช่น สภาพศพ ทรัพย์สินไม่มีสูญหาย จึงคาดว่า คนร้ายอาจจะเป็นคนในหมู่บ้านก็เป็นไปได้ และจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเส้นทางการเงินของคนตาย