วันที่ 19 ก.พ. 2567 นายณรงค์ ศรีระสันต์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว ว่าคดีนี้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด 2 คน คือ นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน และนายสุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 มีหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้กำหนดความคุ้มครองความปลอดภัยแก่พนักงานอัยการจากสำนักงานอัยการสูงสุด
"บิ๊กโจ๊ก" ยัน ถูกดิสเครดิต จ่อเอาผิด พ.ต.อ.หัวหน้าชุดทำคดีเว็บพนันมินนี่
โวยสำนวนคดีเว็บพนันมินนี่ ถูกปล่อยว่อนเน็ต
หลังเข้าไปให้คำแนะนำในการสอบสวน ตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ คดีเว็บไซต์พนันออนไลน์ของ น.ส.ธันยนันท์ หรือมินนี่ แต่กลับถูกกลุ่มผู้ต้องหาในคดีนี้กับพวก 8 คน ที่ยังรับราชการตำรวจอยู่ มีพฤติการณ์ข่มขู่คุกคาม ร้องเรียนการทำหน้าที่ของอัยการทั้ง 2 คน ต่ออัยการสูงสุด โดยแนบเอกสารภาพถ่าย ของนายกุลธนิตและนายสุริยน ในขณะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ ลักษณะติดตามและแอบถ่ายโดยไม่รู้ตัว เข้าข่ายเชิงคุกคามและข่มขู่ จนต้องขอพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นที่ปรึกษาคณะพนักงานสอบสวนชั่วคราว
ซึ่งอัยการสูงสุดได้มีหนังสือถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้กำหนดความคุ้มครองความปลอดภัยกับอัยการทั้ง 2 คน ไม่ให้ผู้ต้องหา ที่ยังคงรับราชการเป็นตำรวจทั้ง 8 นาย คุกคามข่มขู่พนักงานอัยการ และขัดขวางกระบวนการสืบสวนสอบสวน
โดยนายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัด ประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีพิเศษ 1 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด บอกว่า อยากสะท้อนสิ่งนี้กลับไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องกรณีนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการถ่ายภาพข่มขู่พนักงานอัยการระดับสูง ทั้ง ๆ ทำหน้าที่ตามคำร้องขอของสำนักานตำรวจแห่งชาติ
ขณะนี้ ยังไม่มีรายงานความคืบหน้ากลับมาจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่วนกรณีที่พนักงานอัยการทั้ง 2 คน ได้พักการร่วมสอบสวนในคดี เชื่อว่าอาจส่งผลกระทบต่อความล่าช้าในการสอบสวน ในคดีอาญาจะต้องมีเจ้าทุกข์เป็นผู้แจ้งความ แต่ทางอัยการจะแจ้งความร้องทุกข์หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ย้อนไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 เคยเปิดใจกับทีมข่าวพีพีทีวีถึงประเด็นนี้ว่า หนังสือที่ส่งไป ระบุถึงอัยการที่เข้ามาให้คำปรึกษาว่ามีคำสั่งหรือไม่และได้รับมอบหมายจากใคร ซึ่งตนเป็นผู้ต้องหา ก็มีสิทธิ์และจะใช้สิทธิ์ต่อสู้คดี และมองว่าเป็นเรื่องปกติที่จะตรวจสอบไปยังหน่วยงานของรัฐ
นอกจากนี้ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ยังเปิดภาพถ่ายให้ดู ในภาพมีอัยการทั้ง 2 ท่าน ถ่ายเมื่อวันที่ 30 พ.ย.2566 บริเวณบันไดทางขึ้นกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2
พ.ต.อ.ภาคภูมิ อ้างว่า ตำรวจติดตามผู้บังคับบัญชาที่เป็นเจ้าของสถานที่ถ่ายไว้ เป็นการถ่ายภาพภารกิจของนายตามปกติ เพื่อนำไปทำข่าวประชาสัมพันธ์ ไม่ได้มีเจตนาอื่น ซึ่งนายตำรวจคนดังกล่าวรู้จักและมีความสนินสนมกับลูกน้องอีกคนหนึ่งของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ชื่อ ผู้กำกับต๋อง ซึ่งเป็น 1 ใน 8 ผู้ต้องหา นายตำรวจติดตามจึงส่งภาพนี้ไปให้ผู้กำกับต๋อง ตนจึงทำหนังสือไปทวงถามอัยการ
พ.ต.อ.ภาคภูมิ ยืนยันว่า นายตำรวจติดตามที่ถ่ายภาพไม่ได้มีเจตนาไม่ดี จึงอยากชี้แจงเรื่องนี้ และวอนขอผู้บังคับบัญชาให้ความเป็นธรรม กับนายตำรวจติดตามนายนี้ด้วย ส่วนที่ตนนำภาพนี้ไปใช้ก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้ใครเสียหาย จุดประสงค์คือ ต้องการสอบถามอัยการสูงสุดให้ตรวจสอบและตอบคำถามนี้ในฐานะที่ตนเป็นผู้ต้องหาคนหนึ่งในคดีนี้
เปิดตำราข้อควรปฏิบัติของชาวพุทธ ใน “วันมาฆบูชา 2567”