กรมอุตุนิยมวิทยาชี้แจง กรณีมีการเผยแพร่และแจ้งเตือน “วิกฤตโลกอากาศสุดขั้วไทยร้อนต่อถึงเดือนกันยายน”
กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า ฤดูร้อนของประเทศไทย โดยปกติจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคมของทุกปี รวมระยะเวลาราว 2 เดือนครึ่ง โดยในช่วงนี้เป็นช่วงที่โลกเคลื่อนที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์ และดวงอาทิตย์จะทำมุมตั้งฉากกับเขตโซนร้อนพอดี (เนื่องจากประเทศเราอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรมาก)
โดยเฉพาะเดือนเมษายน บริเวณประเทศไทยดวงอาทิตย์จะอยู่เกือบตรงศีรษะในเวลาเที่ยงวัน ทำให้ได้รับรังสีจากดวงอาทิตย์เต็มที่ ในช่วงฤดูร้อน ทิศทางลมมีความแปรปรวน บางวันลมมีกำลังอ่อน ประกอบกับมักมีหย่อมความกดอากศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมอยู่เป็นประจำ จึงทำให้อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว โดยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด อุณหภูมิบางวันสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส
แต่พอเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งเริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงประมาณกลางเดือนตุลาคม ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นลมที่มีความชื้นพัดปกคลุมประเทศไทย ลมนี้ยังช่วยระบายอากาศร้อน และทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นโดยทั่วไป ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิของอากาศคลายความร้อนลงได้
ดังนั้น เดือนกันยายนซึ่งเป็นช่วงปลายของฤดูฝน โดยปกติจะมีฝนตกชุกเกือบทุกภาคของประเทศไทย อุณหภูมิเฉลี่ยของอากาศจะไม่สูงนัก เนื่องจากมีฝนตก ความชื้นสูง มรสุมมีกำลังแรง สถานการณ์ความร้อนจะคลี่คลายลง จึงไม่เกิดวิกฤตโลกอากาศสุดขั้วไทยร้อนถึงกันยายน
หากมีสภาพอากาศที่คาดว่าจะมีความรุนแรงและมีผลกระทบ กรมอุตุนิยมวิทยา จะออกประกาศให้ทราบทันที
ขณะที่สถานการณ์สภาพอากาศของประเทศตอนนี้ยังคงร้อนถึงร้อนมาก หลายคนที่สภาพร่างกาย ไม่แข็งแรง ประกอบกับสภาพวาดแล้วที่ไม่เอื้ออำนวย อาจส่งผลต่อชีวิตได้
เช่นกรณีที่ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี แพทย์เวร รพ.ราชบุรี และมูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์ เข้าตรวจสอบ ผู้เสียชีวิตอยู่บริเวณห้องน้ำของตลาดนัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.5 ต.เจดีย์หัก อ.เมือง โดยพบว่า เป็นชาย ทราบชื่อต่อมาคือ นายอนุสรณ์ อายุ 59 ปี สภาพนอนหงาย สวมกางเกงขาสั้นสีดำ ไม่สวมเสื้อ ห่างออกไป 10 เมตร พบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ซึ่งเป็นรถของผู้ตายจอดอยู่ใต้ต้นไม้ และพบ ภรรยาผู้ตาย รอให้ข้อมูลอยู่
ภรรยาเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุสามีบอกร้อนอยากอาบน้ำ จึงให้พยุงพาเข้าห้องน้ำของตลาด แต่พอพยุงมาถึงหน้าห้องน้ำสามีก็ล้มลงหงายแน่นิ่งไปกับพื้น ตนพยามาเรียกก็ไม่มีการตอบสนอง จนมีพลเมืองดีเข้ามาช่วยเหลือและแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ ที่ผ่านมาสามีป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไล้ และโรคความดัน
เบื้องต้นจากการตรวจสอบ ไม่พบบาดแผลจาการถูกทำร้าย จึงสันนิษฐานว่า จากอาการที่ปรากฏก่อนเสียชีวิต อาจเกิดจากสภาวะฮีทสโตรก หรือ โรคลมแดด เนื่องจากในช่วงนี้มีสภาวะอากาศที่ร้อนจัดตั้งแต่ช่วงเช้า รวมถึงผู้ตายมีโรคประจำตัว
ส่วนที่จังหวัดสุรินทร์ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่บ้านหลังหนึ่ง พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณสวนหน้าบ้านพัก สภาพนอนคว่ำหน้า ที่ขามีสายยางฉีดน้ำตกอยู่ ตามร่างกายไม่พบร่องรอยบาดแผลแต่อย่างใด ทราบชื่อต่อมาคือนายสง่า อายุ 52 ปี
พี่สาวผู้เสียชีวิต เล่าว่า น้องชายมีโรคประจำตัวคือเบาหวานและหลอดเลือดในสมองตีบตน ช่วงนี้บ่นร้อนจัดและกินน้ำเยอะมาก แต่ตอนเกิดเหตุ ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ จึงไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร (คาดว่า น่าจะรดน้ำต้นไม้อยู่แล้ว เป็นลมวูบ เพราะหลักฐานข้าง ๆ พบสายยางฉีดน้ำอยู่)
เบื้องต้น แพทย์สันนิษฐานว่า เนื่องจากอากาศร้อนจัด และผู้ตายร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอาจจะไม่ได้พักผ่อนเพียงพอและมีโรคประจำตัว จึงเป็นเหตุให้เสียชีวิต