วันที่ 19 มิ.ย. 2567 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยอมรับว่า แชตหลุดที่อ้างว่าเป็นของ "เสี่ยโจ้"คุยกับ ผู้กำกับการอักษรย่อ “น” เกี่ยวกับเรื่องการจ่ายส่วยนั้น น่าจะเป็นของจริง แต่รายละเอียดต่างๆ ขอตรวจสอบก่อน หากมีความชัดเจนแล้ว ก็จะเรียกผู้กำกับ "น."มาสอบปากคำโดยเร็วที่สุด ยืนยันหากพบความผิดจะไม่ละเว้นแน่นอน
ส่วนที่แชตไลน์ดังกล่าว ที่ดูเหมือนว่า ผู้กำกับการ น. เป็นเพียง "พ่อบ้าน"โดยมีการพาดพิงระดับ "บิ๊กตำรวจ" เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้นพล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ถ้ามีจริงก็อยากจะให้พยานหลักฐานถึงตัวจริงๆ พร้อมบอกว่า “ตัวผมเองก็ถือเป็นตัวอันตรายของตำรวจคนหนึ่ง ไม่มีใครกล้าโทรมาเคลียร์แน่นอน และอาวุธของ "เสี่ยโจ้" เองก็ทำอะไรคณะทำงานไม่ได้”
คดีลักเรือของกลางนี้ ถือเป็นการตบหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างแรง ดังนั้นต้องดำเนินการกับคนที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาดโดยเฉพาะผู้สั่งการและผู้อยู่เบื้องหลัง
ในคดีนี้ยังมีชื่ออีก 1 บุคคล คือ “นายเล็ก” โดยมีหลายข้อมูลว่า นายเล็กก็คือเสี่ยโจ้ หรือบางข้อมูลบอกว่า "นายเล็ก" คือ ลูกน้องเสี่ยโจ้ สรุปแล้วเล็กคือใคร
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ชี้แจง "นายเล็ก" คือผู้จัการส่วนตัวของ "เสี่ยโจ้"เป็นคนไทย ทำหน้าที่คอยดูแลทุกอย่างตามคำสั่งของ "เสี่ยโจ้" และพบว่า ช่วงที่มีการจับกุมเรือน้ำมันเถื่อนรอบแรก "นายเล็ก" พยายามเข้าหาเจ้าหน้าที่เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ถูกปฏิเสธ
อีกทั้งจากคำให้การของลูกเรือ และไต๋ก๋งเรือ พบว่า "นายเล็ก" ยังเป็นคนดูแลเรื่องการเอาเงินมาประกัน 3.1 ล้าน มาประกันตัวลูกเรือ 28 คน ซึ่งน่าจะได้รับคำสั่งมาจาก "เสี่ยโจ้"
ส่วนกรณีที่ทางอัยการจะต้องเข้ามาร่วมสอบในคดีจับกุมน้ำมันเถื่อน ซึ่งยังมีความกังวลเรื่อง ขอบเขตการจับกุมและการดำเนินคดีนอกราชอาณาจักร พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า ไม่กังวล และจากการสอบปากคำและพยานหลักฐานต่างๆ พบความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันมาถึงการกระทำผิดในไทย ดังนั้น เชื่อมั่นในพยานหลักฐานของชุดจับกุมว่า สามารถชี้แจงได้
ด้าน พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ยืนยันว่า คดีดังกล่าวมีการสืบสวนหาข้อเท็จจริง ว่ามีขบวนการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนโดยใช้ช่องว่างทางกฎหมายในพื้นที่นอกราชอาณาจักร และจุดที่จับกุมเป็นพื้นที่เศรษฐกิจจำเพาะ อยู่ห่างออกจากเส้นฐาน 80 ไมล์ทะเล หากอยู่ในพื้นที่น่านน้ำไทยจะห่างเพียง 12 ไมล์ทะเล ทำให้คดีนี้ถือเป็นคดีนอกราชอาณาจักร เพราะฉะนั้น อำนาจในการสอบสวนดำเนินคดีจะเป็นของพนักงานอัยการสูงสุด และมีตำรวจเข้าไปสอบสวนร่วมด้วย
และยังชี้แจงว่า การจับกุมวันที่ 17 มี.ค.พบการกระทำความผิด 2 จุด ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะ จุดแรกประกอบด้วย เรือ เจ.พี เรือโชคบุญชู 91 และกำไลเงินเหล็ก
จุดที่ 2 เจอเรือดาวรุ่ง และเรือซีฮอร์ส-กำไรเงิน เมื่อสอบถามถึงที่มาของน้ำมันเถื่อน กลับไม่ได้รับคำตอบ แต่พบว่า เรือ 3 ลำ ใน 5 ลำ คือ เจพี ดาวรุ่ง และซีฮอร์ส-กำไรเงิน มีคนสั่งการคนเดียวกัน คือ นายเล็ก แต่ยังไม่มีข้อมูลชื่อจริงและรายละเอียดที่ชัดเจน และบุคคลนี้ก็เป็นคนสั่งให้ลูกเรือลักเรือหลบหนี
พ.ต.อ.ชัชวาล ยังเปิดเผยอีกว่า เรือน้ำมันเถื่อน 5 ลำ จากการตรวจสอบ มีเพียง 1 ลำ ที่เป็น "เรือไทย" มีทะเบียนถูกต้อง และรู้ตัวเจ้าของ คือเรือโชคบุญชู ส่วนอีก 4 ลำ เป็น " เรือเถื่อน" ทั้งหมด
ซึ่งใน 4 ลำที่เป็น "เรือเถื่อน" นี้ มีข้อมูลว่า เรือกำไลเงินเหล็ก และเรือเจ.พี พบว่า ก่อนหน้านี้มีการขายให้ชาวมาเลเซีย ซึ่งเมื่อขายเรือให้ชาวต่างชาติ เจ้าหน้าที่จึงเพิกถอนทะเบียน และพบว่าชาวมาเลเซีย ที่ซื้อเรือ 2 ลำนี้ เดินทางออกจากประเทศไทยไปตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว
ส่วนเรือดาวรุ่ง และซีฮอร์ส-กำไรเงิน เป็นเรือเถื่อนไม่มีทะเบียนไม่ปรากฏชื่อว่าเป็นของใคร แต่ในทางสืบสวนตำรวจรู้ตัว คนที่คาดว่าเป็นเจ้าของแล้ว คาดว่ากลุ่มคนทีครอบครองเรือเถื่อน เป็นขบวนการเดียวกันทั้งหมดมั่นใจว่าตอนนี้ข้อมูลค่อนข้างจะสมบูรณ์ระดับนึงแล้ว และจะเร่งทำสำนวนให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน
ขณะที่ ความคืบหน้าเรื่องคดีลักเรือน้ำมัน 3 ลำ ซึ่งจะอยู่ในความดูแลของกองบังคับการปราบปราม พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม บอกว่า เบื้องต้นลูกเรือทั้งหมดให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และเนื่องจากสามารถจับกุมตัวได้พร้อมกับเรือของกลาง จึงรับในข้อเท็จจริง จะปฎิเสธว่าไม่รู้ ไม่เห็น หรือไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องที่พูดได้ยาก
ส่วนการสอบปากคำไต๋ก๋งเรือ ก็ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีค่อนข้างมาก แต่จะโยงไปถึง "เสี่ยโจ้" ได้หรือไม่ ขอให้อยู่ในสำนวน ยืนยันว่ามีพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงอยู่บางส่วนแล้ว และเชื่อว่าไม่เกินสัปดาห์หน้า จะมีความกระจ่างในหลายเรื่องหลายประเด็น โดยเฉพาะการขยายผลถึงผู้กระทำความผิด ส่วนของผู้สั่งการให้เอาเรือของกลางหลบหนีไป พบมีผู้เกี่ยวข้องหลายคน และมีหมายจับมีมากกว่า 1 คน
พ.ต.อ.เอนก ยืนยันว่า การเอาเรือของกลางหลบหนีไปจะต้องมีคนสั่งการแน่นอน และวางแผนมาเป็นอย่างดี เบื้องต้นฝ่ายสืบสวน นำข้อมูลทางโทรศัพท์ของไต๋ก๋งและลูกเรือไปตรวจสอบแล้วว่ามีการพูดคุยกับใครหรือไม่
ส่วนลูกเรือที่หลบหนีไป 7 คนจากเรือของกลางทั้ง 3 ลำ ที่มีกระแสข่าวว่าหลบหนีไปฝั่งกัมพูชาในพื้นที่ จังหวัดไพลิน นั้น พ.ต.อ.เอนก บอกว่า มีข้อมูลอยู่แล้ว เพราะหลังจากเรือเอาน้ำมันไปส่งขายให้กับเรือลำหนึ่งแล้ว พบว่าลูกเหลือ 7 คน หนีไปกับเรือลำนั้น แต่จะมุ่งหน้าไปทางไหน อยู่ระหว่างตรวจสอบ
ส่วนลูกเรือ 8 คน ที่เจ้าหน้าที่ขับกลับมาได้ ในวันพรุ่งนี้ 20 มิ.ย. พนักงานสอบสวนจะพาตัวส่งฝากขังที่ศาลอาญาก่อนเที่ยง
วิเคราะห์บอล! ยูโร 2024 เยอรมนี พบ ฮังการี 19 มิ.ย.67
20 มิ.ย. 67! กฟน.ประกาศ “ดับไฟ” 9 พื้นที่ ในกทม.- สมุทรปราการ
“สนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์สลับขั้ว” กำลังจะเกิด! มันคืออะไรและมีผลอย่างไร?