เปิดใจ “บิ๊กโจ๊ก” ไม่ได้ทำสงคราม แค่ตามหาความยุติธรรมให้ตัวเอง

โดย PPTV Online

เผยแพร่

บิ๊กโจ๊กเปิดใจกับ PPTV ย้ำว่าสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้คือการออกมาต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง และเสนอว่า เรื่องนี้จะจบได้ “นายกฯ เศรษฐา” ต้องลงมาคุย

จากกรณี “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเดินหน้าเอาผิดและฟ้องร้องคู่กรณีหลายราย ปมถูกให้ออกจากาชการไว้ก่อนโดยมิชอบด้วยขั้นตอนและกฎหมาย

ล่าสุดบิ๊กโจ๊กได้มาเปิดใจกับรายการ เข้มข่าวเย็น ช่วง คุยข้ามช็อต Exclusive Talk ทางช่อง PPTV HD 36 เพื่อยืนยันว่า “สงครามตำรวจ“ ที่หลายคนมองว่าลุกลามบานปลายใหญ่โตนี้ โดยพื้นฐานแล้วคือ “การต่อสู้เพื่อพิทักษ์สิทธิของตน” และจะจบได้ต่อเมื่อ “นายกฯ ลงมาคุย”

คอนเทนต์แนะนำ
“บิ๊กเต่า” แนะบิ๊กตร.ลาออกชำระบาป อย่าให้เสียชื่อโรงเรียนนายร้อย
คาด ก.ตร.เล็งเชือด “บิ๊กโจ๊ก” ยกเว้นมีปาฏิหาริย์ ปูด “บิ๊กต่อ” จ่อลาออก!
“บิ๊กโจ๊ก” เดินหน้าฟ้องหนึ่งใน “ก.ตร.” กูรู จงใจใส่ร้ายเอี่ยวเว็บพนัน!

เปิดใจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ช่างภาพพีพีทีวี
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ความยุติธรรมต้องต่อสู้จึงจะได้มา

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์บอกว่า ณ วันนี้ยังมีสถานะเป้น รองผบ.ตร. อยู่ เพราะจะสิ้นสถานะโดยสมบูรณ์เมื่อในหลวงโปรดเกล้าฯ แล้วเท่านั้น แต่ตอนนี้นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ยังไม่นำความทูลเกล้าฯ เพราะกฤษฎีกาวินิจฉัย 10-0 เสียงว่า กระบวนการให้ตนออกจากราชการไว้ก่อนผิดขั้นตอน ดังนั้น คำสั่งให้ออกจึงไม่สมบูรณ์

และเรื่องการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 26 มิ.ย. นั้น ตนมองว่า คำวินิจฉัยของกฤษฎีกาถือเป็นที่สิ้นสุดแล้ว เพราะนี่คือองค์กรกฎหมายชั้นสูงของประเทศ รวมถึงเคยมีมติคณะรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 2482 ที่ใช้มาจนถึงปัจจุบันว่า หากหารือกฤษฎีกาแล้วต้องปฏิบัติตาม เมื่อกฤษฎีกาวินิจฉัยแล้ว หน่วยงานที่หารือด้วยนั้นต้องปฏิบัติตาม ดังนั้น ผลการประชุม ก.ตร. จะไม่มีผลต่อการตัดสินใจทูลเกล้าฯ ปลด

เท่ากับว่า ตราบใดที่นายกฯ ไม่ทูลเกล้าฯ ให้ปลด ก็ถือว่าตนยังเป็นรองผบ.ตร. ยังมีสิทธิและศักดิ์ “วันนี้ผมยังเป็นรองผบ.ตร. เมื่อมีการเซ็นออกแล้วนายกฯ ไม่ทูลเกล้าฯ ก็บ่งบอกแล้วว่า ผมยังเป็นรองผบ.ตร.”

ดังนั้น หลังจากนี้ ผบ.ตร. ต้องไปแก้ไขคำสั่ง ถ้าไม่เพิกถอน จะเข้าข่ายผิดกฎหมาย ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งหากสัปดาห์หน้า ผบ.ตร. ยังไม่ทำอะไร จะเดินหน้ายื่นฟ้อง ม.157

ส่วนกรณีของนายกฯ ตอนนี้ยังไม่ฟ้อง ม.157 เพราะนายกฯ ยังไม่ได้ทูลเกล้าฯ แต่ถ้ามีการทูลเกล้าฯ เมื่อไรจะฟ้องนายกฯ ทันที เพราะถือว่าทราบแล้วว่ากระบวนการให้ออกจากราชการไม่ชอบด้วยกระบวนการ หากยังดึงดันยื่นจะถือว่าละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกัน ลักษณะเดียวกับที่ถูกฟ้องอยู่ในกรณี นายพิชิต ชื่นบาน

“ขอให้นายกฯ ใช้อำนาจอย่างถูกต้องและเป็นธรรมกับผม ถ้านายกฯ ไม่ปฏิบัติ อย่าลืมว่านายกฯ คือเจ้ากระทรวงตำรวจ เป็นผู้บังคับบัญชา เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อเพิกเฉยละเลยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาถูกกระทำ นายกฯ จะเข้าข่ายละเลย” บิ๊กโจ๊กกล่าว

รองผบ.ตร.ย้ำว่า ตนไม่ได้ขู่นายกฯ ไม่เคยขู่ใคร ทำจริงอย่างเดียว อดีตนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ฟ้องมาแล้ว “วันนี้สิ่งที่กำลังตามหาคือความยุติธรรมให้ตัวเอง เอาผมออกเป็นไร แค่ให้ถูกต้อง เมื่อไม่ถูกก็ต้องเอาผมกลับมา”

บิ๊กโจ๊กเสริมว่า “ต้องเรียนว่า ที่ผ่านมาผมได้รับเสียหายเยอะ ถูกกลั่นแกล้ง ถูกกระทำ ถ้าไม่ออกมาพิทักษ์สิทธิของตัวเอง คนเหล่านี้ก็จะใช้อำนาจแบบนี้ร่ำไป”

เมื่อถูกถามว่า ไม่กลัวดาบนั้นคืนสนองย้อนกลับเข้าตัวหรือ? พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตอบว่า ถ้าไม่ทำจะหนักกว่านี้ ต้องเดินแบบนี้ ไม่มีทางอื่น ตนพยายามตามหาความยุติธรรม เมื่อไม่ได้ก็ต้องสู้ ความยุติธรมได้จากการต่อสู้เท่านั้น

เปิดใจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ช่างภาพพีพีทีวี
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ยืนยันถูกกลั่นแกล้ง มีใครบางคนมีเจตนาพิเศษ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์บอกว่า ผบ.ตร. มีอำนาจตาม ม.131 ให้ตำรวจออกจากราชการได้ แต่เงื่อนไขการใช้อำนาจต้องเข้ากฎหมาย ม.120 วรรค 4 ให้ตำรวจออกได้ 3 กรณี คือ ต้องหาคดีอาญา ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และถูกฟ้องคดีอาญา ซึ่งตนเข้าข่ายที่หนึ่งและสอง

“สมมติผมยิงคนตาย 2 ศพ ผบ.ตร.สามารถทำได้ 2 อย่าง คือเซ็นให้ออกเลย เพราะเห็นความผิดชัดเจน แต่ถ้า ผบ.ตร.ระแวงว่าถ้าให้ออกเลยอาจจะโดนฟ้อง ก็อาจสั่งตั้งกรรมการสอบเพื่อให้มีเกราะคุ้ม” บิ๊กโจ๊กกล่าว

เขาเสริมว่า “วันนี้ถ้า ผบ.ตร.สั่งผมออกเลยในฐานะต้องคดีอาญา ผมแพ้ ออกได้เลย แต่อันนี้ตั้งคณะกรรมการสอบแล้ว เข้ากฎหมาย ม.120 วรรค 4”

บิ๊กโจ๊กบอกว่า “ถ้าแม่นกฎหมายจริง เก๋าจริง ต้องเซ็นผมออกเลย แต่วันนี้หลายคนไม่กล้าสั่งให้ใครออกเลยเพราะกลัวโดนฟ้อง จึงต้องตั้งกรรมการ แต่อันนี้รีบเกินไป เพราะตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง 18 เม.ย. พิจารณาให้ออก 18 เม.ย. กรรมการสอบวินัยร้ายแรงยังไม่ได้เริ่มสอบเลย ยังไม่ได้รับแจ้งว่าต้องเป็นกรรมการด้วยซ้ำ”

รองผบ.ตร.กล่าวว่า ขั้นตอนตามกฎหมายนั้น เมื่อมีกรณีต้องหาทางอาญา ต้องเดินตามขั้นตอน ตั้งคณะกรรมสอบข้อเท็จจริงก่อน ถ้าความผิดชัดจึงค่อยตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง แต่ทั้งที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ บอกว่าความผิดตนยังไม่ชัดเจน ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง แต่พอปฏิบัติจริงไม่มีการตั้ง ไปตั้งกรรมการวินัยร้ายแรงเลย และเป็นการข้ามที่ตั้งใจด้วย

“คงมีใครไปยุว่าเอาผมออกไปเลยสิ เดี๋ยวคุณได้เป็น ผบ.ตร. เจตนาพิสูจน์ไม่ได้ แต่การกระทำพิสูจน์เจตนาได้” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว

รองผบ.ตร. บอกว่า ตามกฎหมายพระราชบัญญญติตำรวจปี 2565 หน้าแรกเขียนเอาไว้ว่า ออกแบบมาเพื่อคุ้มครอง จำกัดสิทธเสรีภาพผู้บังคับบัญชา ไม่ให้ใช้อำนาจกลั่นแกล้งผู้ใต้บังคับบัญชา ให้เป็นไปตามระบบคุณธรรม

เปิดใจบิ๊กโจ๊ก ช่างภาพพีพีทีวี
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

การกลั่นแกล้งนี้ เพื่อสกัดดาวรุ่งเก้าอี้ ผบ.ตร. ?

บิ๊กโจ๊กบอกว่า ตนเป็นรองพบ.ตร.ที่มีลำดับอาวุโสเบอร์ 1 ดังนั้นตามกฎหมายแล้ว หากมีการเลือก ผบ.ตร.จะเป็นคิวแรกที่ถูกหยิบ แต่ตนมองว่า บ้านนี้เมืองนี้คนอยากมีอำนาจ แต่ไม่อยากรับผิดชอย ถึงเกิดปัญหา

ส่วนกระแสที่ว่าบิ๊กโจ๊กไปขัดแข้งขัดขาแคนดิเดตผบ.ตร.สายอื่น เช่น คดีกำนันนก ส่วนตัวมองว่า คดีนี้มอบหมายให้ใครก็ไม่มีใครทำ คนไทยเก่งเยอะแต่ไม่กล้า คนทำงานแบบผมไม่ได้เก่ง เพียงแต่อยากทำหน้าที่ให้ดี

“มีที่ไหนกำนันยิงตำรวจตายต่อหน้าต่อตา แถมช่วยหนี ผมไม่ได้สอบใคร แต่คุมการสืบสวน จนพบว่าตำรวจไม่ให้การตามจริง เผ่นหมด ฟ้องด้วยภาพ ก็เอาเรื่องนี้มาเปิดเผย มีคนชมบ้างด่าบ้าง แต่ผมมองว่า โลกเปลี่ยนไปแล้ว ต้องเปิดเผชให้ประชาชนรู้” รองผบ.ตร.กล่าว

เขาเสริมว่า “มีคนโทร.มาตำหนิว่าอย่าไปดำเนินคดีตำรวจเยอะ ทำให้องค์กรเสียหาย ผมก็บอกว่า ถ้าผิด ยิ่งเสียหายหนักกว่าเดิม ต้องทำตรงไปตรงมา”

บิ๊กโจ๊กบอกว่า เรื่องนี้อาจจะมีส่วนเป็นปมที่ทำให้ตนถูกกลั่นแกล้ง แต่การทำงานต้องตรงไปตรงมา ลูกน้องใครโดนก็ต้องโดน เพราะตนไม่ได้ไปสร้างสถานการณ์ เหตุทั้งหมดตนไม่ได้สร้าง เหตุมันเกิด และตนถูกสั่งให้ไปทำ

“ผมมีเรื่องเดียวคือเหลืออายุงานหลายปี แล้วมาชิงตำแหน่งผบ.ตร. ถ้าผมได้เป็น คนเสียผลประโยชน์เยอะ ปัญหามีแค่เรื่องนี้ ระบบแบบไทย ๆ” บิ๊กโจ๊กกล่าว และบอกว่า ตอนนี้ไม่ได้สู้ให้ตัวเอง แต่ตั้งใจจะกลับไปทำงานให้ประเทศ ให้ประชาชน เพราะยังมีสมอง มีความคิด มีปัญญา มีกำลังกายที่เข้มแข็ง อยากกลับไปทุ่มเททำงานเพื่อส่วนรวม

เปิดใจรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ช่างภาพพีพีทีวี
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

เคลียร์ตัวเองเรื่องลูกน้อง

เรื่องคดีเว็บพนัน บิ๊กโจ๊กบอกว่า ตนเป็นรองผบ.ตร.ก็จริง แต่ไม่ได้คุมหน่วยปราบปรามไซเบอร์ ไม่มีเว็บไหนมาจ่ายตนหรอก คนเปิดบ่อนหรือเว็บพนันจะจ่ายเงินใคร ก็ต้องจ่ายคนที่มีอำนาจจับเขา ซึ่งตนไม่มี

ส่วนกรณีลูกน้อง ตนพูดไม่ได้ เพราะอยู่คนละพื้นที่ ใครจะทำอะไรรู้ไม่หมด แต่โดยอำนาจหน้าที่ตนไม่ได้มีอำนาจหน้าที่คุ้มครองเว็บพนัน นอกจากนี้ รองผบ.ตร.ไม่มีอำนาจเลย มีเฉพาะยศ อย่าไปเข้าใจว่ารองผบ.ตร.มีอำนาจ

“รองผบ.ตร.เป็นอำนาจที่ ผบ.ตร.มอบหมาย รับผิดชอบความมั่นคง เมื่อก่อนตำแหน่งนี้เคยรับผิดชอบกองบัญชาการไซเบอร์ แต่พอผมมาเขาตัดไปไม่ให้คุม” บิ๊กโจ๊กกล่าว

เขาย้ำเรื่องลูกน้องอีกว่า ลูกน้องแต่ละคนอยู่ในพื้นที่จะไปดีลยังไงไม่รู้ ลูกน้องไม่ได้อยู่ในสำนักงานหรือเป็นนายเวรหน้าห้องตน ลูกน้องมีทั่วประเทศ เป็นลักษณะทีมงานมากกว่า

“วันนี้ถ้าไปดูเส้นเงินจริง ๆ เงินที่ให้ลูกน้องผมเอาเงินส่วนตัวจ่าย ส่วนลูกน้องผมไปหมุนเอาเงินใครมาจ่ายคืนผม ผมไม่รู้ แต่ทั้งหมดเป็นเงินผม เช่น ผมให้ลูกน้อง 5 หมื่นเอาไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟ สมมติต้องจ่ายวันที่ 5 แต่ผมให้ไปตั้งแต่วันที่ 1 ลูกน้องอาจจะเอาเงินไปหมุนก่อน พอวันที่ 5 ไม่มี ก็เอาเงินบ่อนมาให้” บิ๊กโจ๊กกล่าว

รองผบ.ตร.ย้ำว่า ไม่มีเส้นเงินไหนมาตรงที่ตน ไปชนที่ลูกน้องเท่านั้น “ฉะนั้นเรียนว่า เว้นแต่ลูกน้องให้การว่าเงินนั้นเอามาจ่ายผม เป็นเงินสดให้นาย ก็ให้ลูกน้องยืนยันมา ว่ารับเงินมาเพื่อให้ผม ผมเลี้ยงลูกน้อง ไมใช่ให้ลูกน้องเลียงผม”

ผล.ต.อ.สุรเชษฐ์บอกว่า “ผมทำงานหนัก ค่าใช้จ่ายเยอะ เงินบางส่วนเอาส่วนตัวมาจ่ายด้วยซ้ำ ไม่งั้นงานไม่สำเร็จแบบนี้ ตำรวจเงินเดือนน้อย ไม่ได้เหมือนฮ่องกงหรือสหรัฐฯ ที่เงินเดือนสูง การเป็นผู้บังคับบัญชาจะสั่งจับนู่นนี่ต้องใช้เงินส่วนตัว แต่ไม่มีผู้บังคับบัญชาคนไหนมีงบ ก็ต้องใช้ผลประโยชน์ในพื้นที่ ทั้งเทาทั้งดำ วันนี้ผมเป็นรองผบ.ตร.ไม่ไปยุ่ง ส่วนลูกน้องไม่รู้หรอก เขาก็มีผู้บังคับบัญชาของเขา ไม่ได้อยู่กับเขาตลอดเวลา”

เปิดใจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ช่างภาพพีพีทีวี
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ตำรวจทะเลาะกันคนเสื่อมศรัทธา นายกต้องเป็นคนแก้

ความขัดแย้งภายในองค์กรตำรวจที่เกิดขึ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทำให้ความศรัทธาต่อตำรวจของประชาชน ซึ่งปัจจุบันน้อยอยู่แล้วจากกรณีหรือคดีความต่าง ๆ ยิ่งน้อยลงไปอีก

บิ๊กโจ๊กกล่าวถึงกระแสนี้ว่า “วันนี้คนเสื่อมศรัทธา เพราะนายกฯ ไม่ลงมาแก้ปัญหา นายกฯ เป็นเจ้ากระทรวงตำรวจต้องเป็นแก้ ปัญหาเกิดจากทุกคนอยากเป็นผบ.ตร. ดังนั้นวันนี้นายกฯ ต้องชัดเจน ต้องเรียกมาคุยทั้งหมดทุกคน”

เขาเสริมว่า “ทุกคนอยากเป็นผบ.ตร.ก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมายตามกติกา ตามความอาวุโส ความรู้ความสามารถ มีเกณฑ์อยู่ก็เอามาพิจารณา แต่ตอนนี้ไม่มีผู้นำกล้าตัดสินใจ นายกฯ ลอยตัว ก็ต้องมาคุยกัน ทำงานเพื่อส่วนรวม”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์บอกว่า วันนี้ในการเป็นผู้นำ นายกฯ ต้องตัดสินใจ ถ้าไม่ทำ องค์กรใหญ่อย่างนี้จะอยู่อย่างไร ถ้าเป็นนายกฯ แล้วไม่รับผิดชอบสั่งการ ประวิงเวลา อย่างนี้ไมม่ได้

บิ๊กโจ๊กบอกว่า ผลจะเป็นอย่างไร ถ้าทุกอย่างชอบธรรม ตนไม่โกรธ รับผลได้ แต่ต้องจบบนโต๊ะกลม การสู้รบไม่มีประโยชน์ ต้องจบบนโต๊ะเจรจา แต่ผู้นำต้องลงมา “ตำแหน่งนายกฯ อยู่ได้ไม่นาน แต่มาแล้วดีหรือไม่ จะให้เขาจารึกชื่อท่านไว้แบบไหน”

Bottom-PL-24 Bottom-PL-24

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ