จากกรณีที่มีรายงานระบุว่า มีนักร้องเรียนหญิงรายหนึ่งอ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแชร์ ตบทรัพย์จาก ดิไอคอนกรุ๊ป 10 ล้านบาท กระทั่งมีการเชื่อมโยงไปยัง “อ้อ ชลิดา" หรือ "ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" ซึ่งเจ้าตัวออกมาปฏิเสธผ่านเฟซบุ๊กเป็นที่เรียบร้อย
ล่าสุด “กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์” เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง หนึ่งในผู้ที่ถูกโยงถึงเรื่องนี้ ก็ออกมาปฏิเสธว่า ตนก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวเช่นกัน พร้อมเปิดใจกับ PPTV ผ่านรายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk เป็นที่แรก
นางสาวกฤษอนงค์ กล่าวว่า ตนเป็นจุดเริ่มต้นในการรับผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนกรณีแชร์ลูกโซ่ ตนรู้จักกับ “บอสพอล” มานาน เนื่องจากเป็นคนในวงการเดียวกัน แต่ถึงจะรู้จักกันก็ไม่ได้สนิทสนม เราเห็นเขามาตั้งแต่ตอนที่เปิดบริษัท เป็นผู้นำแม่ทีม เขาก็อยู่ในวงการมานาน 19 - 20 ปี จนวันหนึ่งออกจากบริษัทเดิมไป ไปเปิด The iCON
“ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” แจงแล้ว ไม่ใช่นักร้องเรียนตบทรัพย์ดิไอคอน!
เช็กวันโอนเงินดิจิทัล 10,000 บาท รอบการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) เร็วขึ้น
อัปเดตเส้นทางพายุดีเปรสชันลูกใหม่ในมหาสมุทรแปซิฟิก!
ซึ่งช่วงที่บอสพอลเปิดบริษัท The iCON มีประเด็นอยู่คือ เขาย้ำว่าเป็นการขายของออนไลน์ ไม่ใช่ขายตรง จึงกลายเป็นประเด็นในวงการว่า บอสพอลไม่ได้ทำธุรกิจขายตรง แต่ลักษณะการดำเนินธุรกิจนั้นเป็นแบบขายตรง ทำให้คนที่ทำธุรกิจขายตรงแบบถูกต้องไม่พอใจ จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกจนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้น
นางสาวกฤษอนงค์ กล่าวต่อว่า กรณีตบทรัพย์ 10 ล้านบาทต้องไปถามคนที่พูดออกมาคนแรก ตนสามารถชี้แจงได้ชัดเจน หรือถ้ามีก็ให้นำหลักฐานเส้นทางการเงินมายืนยันกันได้ ไม่มีการเรียกเงินจากบอสพอลแน่นอน ในทางกลับกัน บอสพอล เป็นผู้ที่มาเสนอเงินเอง
ประเด็นของเรื่องนี้จริง ๆ คือผู้เสียหาย สิ่งสำคัญคือ “บอสพอล” ต้องไปเคลียร์กับผู้เสียหาย ไม่ใช่มาเคลียร์กับตน บอสพอลน่าจะโดนมาเยอะ โดนมาหลายที่ จึงมาคุยกับเราแบบนี้ ซึ่งตนก็ตอบไปว่าปัญหาจริง ๆ คือมีผู้เสียหายมาร้องเรียนกับตน จะให้ตนทำอย่างไร รับเรื่อง เจรจา หรือดำเนินการอย่างไรในฐานะที่เรารู้จักกัน
นางสาวกฤษอนงค์ เล่าว่า หลังจากเรื่อง The iCON แดงขึ้นมา ภรรยาเก่าของบอสพอล ได้ติดต่อตนมา ขอให้ตนมาเคลียร์กับบอสพอล พร้อมเสนอเงินให้ แต่ไม่ได้ระบุจำนวน จากนั้นก็ได้นัดวันคุยกันตามปกติ ซึ่งในวันที่คุยกันบอสพอลก็ยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ตนจึงบอกว่าจะไม่ผิดได้อย่างไร มีผู้เสียหายมาร้องเรียนหลายราย ถ้าจะเคลียร์ต้องไปเคลียร์กับผู้เสียหาย ตนจึงให้มีการเคลียร์กันที่ออฟฟิศระหว่างผู้เสียหาย และบอสพอล ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยมีทนายความอยู่ด้วย
ทว่าหลังเจรจาไปเจรจามา บอสพอลขอจ่ายค่าเสียหายครึ่งหนึ่ง จนเหลือจ่ายตรงไปยังผู้เสียหายจำนวน 8 ล้านบาท เงินเข้าผู้เสียหาย ไม่ได้เข้ามาที่ตนแต่อย่างใด และตนได้บอกผู้เสียหายว่าเบื้องต้นไม่ต้องจ่ายอะไรให้ กลับกันตนเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำผู้เสียหายเป็นเดือนผ่านเงินกองทุนของตน ตลอด 3 วันที่มีการเจรจาตนก็เป็นคนดูแล
นางสาวกฤษอนงค์ เล่าต่อว่า ผู้เสียหายได้มาถามตนว่ามาช่วยเหลือครั้งนี้แล้วคุณกฤษอนงค์ได้อะไร ตนก็บอกไปว่าสิ่งนี้เป็นนโยบายพรรคตนที่ทำมาเป็นสิบ ๆ ปี การช่วยเหลือครั้งนี้นอกจากจะได้บุญแล้ว ยังเป็นการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือ การแก้กฎหมาย
ตนมีกองทุน หากอยากสนับสนุนให้มีเงินไปช่วยคนอื่นต่อ อยากทำงานวิชาการ อยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์ หากอยากสนับสนุนก็บริจาคมาตามสะดวก ไม่บังคับการเป็นพอ ซึ่งตนก็เป็นเหมือนตัวกลางในการเคลียร์ระหว่าง 2 ฝ่าย พร้อมจัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้ให้ผู้เสียหายเพื่อไม่ให้เศร้า ดราม่า หรือรู้สึกว่าเป็นเรื่องโชคร้าย ให้ชีวิตเดินต่อไป โดยจัดงาน 2 วัน 1 คืนด้วยเงินที่ผู้เสียหายบริจาคเข้ากองทุน
ต่อมาก็มีผู้เข้ามาร้องเรียนเกี่ยวกับดิไอคอนเพิ่มขึ้นอีก ตนจึงไม่จัดเจรจาที่ออฟฟิศตน ให้เจรจาที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดห้องเจรจาเลย
ส่วนกรณีคลิปเสียงที่อ้างว่ามีการเรียกรับเงินนั้น นางสาวกฤษอนงค์ กล่าวว่า ถ้ามีหลักฐานว่าตนรับเงินก็เอามาแสดงได้ ตนไม่รู้ว่าเป็นคลิปไหน นำเนื้อหามาแค่ไหนอย่างไร ตนเป็นคนไม่เคยอัดเสียงใคร แต่ใครจะอัดเสียงตนระหว่างคุยก็แล้วแต่ ยืนยันพร้อมคุยกับตำรวจ
ส่วนวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ตนจะชี้แจงเรื่องเอกสารสำคัญในการโอนเข้าโอนออกของบัญชีกองทุน รวมถึงผู้เสียหายที่ตนดูแลทั้ง 89 คน ตนต้องการรักษาอาชีพขายตรง ณ วันนี้แชร์ลูกโซ่เข้ามาเบียดเบียนอาชีพขายตรง ตนจึงต้องออกมาต่อสู้
นางสาวกฤษอนงค์ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวรู้จักกับนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช นักการเมืองชื่อดัง เนื่องจากอยู่พรรคเดียวกัน คือ พรรคพลังเครือข่ายประชาชนเมื่อปี 2557 แต่เนื่องด้วยมีความคิดคนละแนวทาง จึงแยกตัวออกมา
นางสาวกฤษอนงค์ ยืนยันว่า ไม่ได้รับเงินจากบอสพอล ส่วนเงินของผู้เสียหายเป็นการเข้ากองทุน โดยที่ตนไม่ได้กำหนดตัวเลข และฝั่งผู้เสียหายเป็นคนบริจาคให้กองทุนของตนเอง ส่วนจำนวนเงินกองทุนในตอนนี้เข้ามาก็ออกไป เพราะตนนำไปใช้จ่ายให้กับผู้เสียหาย เป็นค่าน้ำ ค่าอาหาร ค่าจัดอบรมต่าง ๆ