จากกรณีนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีตประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กระทรวงเกษตรฯ นำเอกสารร้องขอความเป็นธรรมของฝั่งไร่ภูนับดาวที่ปรากฏชื่อผู้ร้อง 5 คนมาเปิดเผย โดยประกอบด้วย
คนที่ 1 นายปรีชา มีประเสริฐ ระบุในหนังสือว่า ประกอบอาชีพเกษตรกร คนที่ 1 ในฐานะ เจ้าของผู้ได้รับสิทธิ์ให้ใช้ประโยชน์ ส.ป.ก.4-01 เลขที่ 14340/15163/15164และ15166
คนที่ 2 นายสหรัฐ พยุหนาวีชัย ประกอบอาชีพเกษตรกร คนที่ 2 ในฐานะ เจ้าของผู้ได้รับสิทธิ์ให้ใช้ประโยชน์ ส.ป.ก.4-01 หกแปลง เลขที่14339/14342/15403/14366/14314และ15402
คนที่ 3 นายวันชัย ฉิมพลี ระบุในหนังสือเช่นกันว่าประกอบอาชีพเกษตรกร ในฐานะ เจ้าของผู้ได้รับสิทธิ์ให้ใช้ประโยชน์ ส.ป.ก.4-01 เลขที่ 15157
คนที่ 4 น.ส.บังอร รักรอด ประกอบอาชีพเกษตรกร ในฐานะ เจ้าของผู้ได้รับสิทธิ์ให้ใช้ประโยชน์ ส.ป.ก.4-01 เลขที่ 15325
คนที่5 นายวิชิต พยุหนาวีชัย ซึ่งคนนี้แตกต่างจากคนอื่น ระบุว่า ในฐานะผู้ให้การช่วยเหลือเรื่องการเงินเกี่ยวกับเกษตรกรที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมในที่ดินส.ป.ก.4-01 ทั้ง12 แปลงและเป็นญาติกับผู้ขอความเป็นธรรมทั้ง4 คน ซึ่งรายชื่อทั้งหมดเป็นรายชื่อของคนที่นายวิชิต ระบุว่า เป็นเกษตรกรที่มายื่นขอความเป็นธรรม
ด้าน นายกฤศกร สนิทศักดิ์ดี ผอ.ป.ป.ท.เขต1 ไล่เรียงรายชื่อทั้ง 5 บุคคลให้ทีมข่าวPPTVHD36 ฟังว่า กรณีของนายปรีชา มีประเสริฐ ก็เป็นคนที่ได้รับโอนสิทธิ์ จากนายวันชัย ฉิมพลี ที่เคยถูกศาลตัดสินจำคุกคดีรุกพื้นที่ ส.ป.ก. ตั้งแต่ ปี 2560 ซึ่งขณะนั้นก็มีการรับสารภาพว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นสวนป่า
ส่วน น.ส.บังอร รักรอด ก็เป็นเพียงนอมินี และนายสหรัฐ กับ นายวิชิต พยุหนาวีชัย ก็เป็นนายทุน ซึ่งดูนามสกุลก็รู้ว่าไม่ใช่เกษตรฯ
ทั้งนี้นายกฤศกร ยืนยันว่า เรื่องนี้ผ่านกระบวนการคำพิพากษาของศาลแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาก็รับสารภาพว่า กระทำความผิด รุกป่าจริง แล้วจะมาส่งหนังสือร้องขอความเป็นธรรมเพื่ออะไร
นอกจากนั้นนายกฤศกร ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ช่วงปี 2558 ปลัด อบต.หนองย่างเสือ มีการออก ภ.บ.ท.5 ใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ ให้กับ นายวิชิต พยุหนาวีชัย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าท้องถิ่นอย่าง อบต. ก็รู้เห็นเอื้อประโยชน์ให้นายทุนกลุ่มนี้ด้วย ไม่เพียงเท่านั้นนอกจากเยังอื้อนายทุนแล้ว ยังข้อมูลว่าปลัดคนเดียวกันเดียวกันนี้ยังใช้ช่องความเป็นข้าราชการ ออกใบ ภ.บ.ท.5 ให้ภรรยาตัวเองทั้งที่ไม่ใช่เกษตรกร ซึ่งท้ายที่สุดภรรยาปลัดก็ถูกจำคุกนาน6เดือน
นายกฤศกร บอกว่า หลังจากที่มีคำสั่งศาลตัดสินความผิด บุคคลที่เกี่ยวข้องกับไร่ภูนับดาว ปี 2560 ในขณะนั้นมีความชัดเจนแล้วว่า ไร่ภูนับดาวก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างทับพื้นที่สวนป่า ซึ่งตามหลักสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้จังหวัดสระบุรี ควรต้องแจ้งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และ ดำเนินการเรียกค่าเสียหายจากไร่ภูนับดาวทันที แต่จนถึงขณะนี้ผ่านมา 6-7 ปี ป่าไม้จังหวัดยังไม่มีความเคลื่อนไหวเรื่องนี้เลย
เมื่อถามว่ามีข้อมูลเชิงลึกหรือไม่ว่า ป่าไม้จังหวัด มีนอกมีในเอื้อประโยชน์ให้นายทุนกลุ่มนี้ยังไงบ้าง นายกฤศกร บอกว่า เชื่อว่าต้องมี เพราะตอนที่ตัวเองจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก. ครั้งแรก ได้ประสานไปยังป่าไม้จังหวัด แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ จนต้องขอความช่วยเหลือ นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ทส. ให้ช่วย จึงสามารถเดินหน้าตรวจสอบไร่แห่งนี้ ก่อนพบผู้กระทำความผิดรุกที่ ส.ป.ก.จริงๆ
นายกฤศกร บอกเพิ่มเติมว่า นอกจากป่าไม้จังหวัดจะไม่ให้ความร่วมมือในการเข้าไปตรวจสอบไร่ภูนับดาว ยังเคยมีข้าราชการของหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ หรือ พยัคฆ์ไพรคนหนึ่งออกหน้าแทนทางไร่ บอกว่าไม่มีอำนาจรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกพื้นที่ป่าได้ ทั้งที่มีคำพิพากษาของศาล นายกฤศกร บอกว่า ให้ข้าราชการคนนี้ระวังตัวไว้ เดี๋ยวจะโดนด้วยสักวันหนึ่ง
- คอนเทนต์พิเศษ
สำหรับคุณ - TOP สังคม
- วิดีโอยอดนิยม
