จากกรณีเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2567 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ และ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้เดินทางมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และได้ให้สัมภาษณ์ประเด็นว่า “เทวดา” ในหน่วยงานของรัฐหลายหน่วยซึ่งหมายความรวมถึงดีเอสไอ ให้ความคุ้มครองดูแล บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด เพื่อมิให้ถูกดำเนินคดีนั้น
ดีเอสไอ จึงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับในเรื่องดังกล่าวและผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีมูลความจริง
แต่ด้วยพฤติการณ์ของ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ กับพวก ได้กล่าวยืนยันในข้อเท็จจริงในลักษณะที่ทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนทั่วไปหลงเชื่อและเข้าใจผิดได้ว่า ดีเอสไอ คอยให้ความช่วยเหลือ หรืออำนวยความสะดวกหรือกระทำการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการมิชอบด้วยกระบวนการทางกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์กับ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ผู้ต้องหาในคดีพิเศษ การแถลงข้อมูลและใส่ความดังกล่าวไม่มีมูลความจริงและปราศจากพยานหลักฐานอ้างอิงทำให้ ดีเอสไอ ในฐานะหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายโดยตรงได้รับความเสียหาย การกระทำของบุคคลดังกล่าวกับพวกอาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ การกระทำมิได้ประสงค์ จะให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนด้วยความสุจริต
ดีเอสไอ จึงมอบหมายให้ผู้อำนวยการกองกฎหมายร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีอาญากับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ และผู้ที่เกี่ยวข้องในความผิดฐาน หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และมาตรา 328 ต่อไป
ทั้งนี้ ดีเอสไอ มีความตระหนักดีว่าหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเป็นหน่วยงานของรัฐ ซึ่งสามารถถูกตรวจสอบได้จากภาคประชาชนและองค์กรสาธารณะที่ให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง หรือแสดงความเห็นด้วยความสุจริตใจ ติชม ด้วยความเป็นธรรมตามวิสัยของประชาชนทั่วไปอันมิใช่เป็นการสร้างข้อมูลอันเป็นเท็จมีเจตนาแฝงซ่อนเร้นด้วยผลประโยชน์อันไม่ชอบด้วยประการอื่นหากกรมสอบสวนคดีพิเศษละเลยไม่ร้องทุกข์ดำเนินคดีย่อมจะกระทบต่อความเชื่อมั่นที่สาธารณชนหรือประชาชนที่สุจริตได้มีการให้ข้อมูล เบาะแส ติชม ตามทำนองคลองธรรมของระเบียบกฎหมายได้