พ.ต.ท.ธงไทย ไพเราะ สารวัตรกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ระบุว่า การสืบสวนคดีนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากตำรวจ สน.คลองตัน ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ที่สืบทราบว่ามีร้านตัดผมลักลอบนำชาวเกาหลีใต้เข้ามาทำงานด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว
ประเด็นแรกคืออาชีพตัดผมเป็นอาชีพต้องห้ามสำหรับชาวต่างชาติอยู่แล้ว และประเด็นที่สองคือ ตำรวจไปสืบพบว่า กลุ่มชาวเกาหลีใต้ส่วนนี้ เข้ามาด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว 90 วัน จากนั้นเมื่อครบก็จะหยุดทำงาน ก่อนจะออกไปเพื่อต่อวีซ่า เข้ามาในประเทศไทยอีกครั้ง
ลักษณะของการลักลอบเข้ามาพบว่าไม่ใช่การเข้ามาผ่านเอเจนซี่หรือเป็นขบวนการจัดหา แต่ส่วนใหญ่จะเข้ามาทำงานในร้านตัดผมที่มีหุ้นส่วนเป็นชาวเกาหลีใต้ อย่างร้านที่มีการจับกุมล่าสุดมีเบาะแสว่า เจ้าของเป็นชายชาวเกาหลีใต้ มีภรรยาชาวไทยเป็นหุ้นส่วน และนำช่างเกาหลีเข้ามาให้บริการลูกค้า หรือรูปแบบคือการลักลอบเข้ามาอ้างว่าเป็นการเข้ามาสอน ทำอาชีพเป็นครูสอนตัดผม ที่กฎหมายอนุญาต แต่จริงๆ แล้วก็คือการเข้ามาเป็นช่าง
เมื่อถามถึงมูลเหตุจูงใจที่ทำให้กลุ่มชาวเกาหลีใต้กลุ่มนี้ลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทยโดยเฉพาะอาชีพช่างตัดผม ชุดสืบสวนส่วนใหญ่ชาวเกาหลีใต้ที่มาทำงานในประเทศประเทศไทยก็จะใช้วีซ่าธุรกิจปกติทั่วไป แต่อาชีพช่างตัดผมเมื่อเป็นอาชีพสงวนจึงทำให้ไม่สามารถทำวีซ่าเข้ามาทำงานได้ ก็จะมีกลุ่มช่างตัดผมที่เข้ามาตามกระแสนิยมของคนไทย ซึ่งถ้าถามถึงมูลเหตุจูงใจจากข้อมูลของการสืบสวนไม่ใช่เรื่องของรายได้เป็นหลัก เพราะช่างกลุ่มนี้เมื่ออยู่เกาหลีใต้ก็จะมีรายได้ประมาณ 60,000 บาทต่อเดือน แต่เมื่อมาอยู่ไทยจะมีมีรายได้ประมาณ 40,000 บาทต่อเดือน แต่โดยรวมคือเรื่องของค่าครองชีพ ประกอบกับเรื่องของการแข่งขันของช่างตัดผมด้วยกันเองในเกาหลีใต้ ที่ทำให้ส่วนหนึ่งต้องเข้ามาทำงานในไทย
ล่าสุดหลังมีข่าวเรื่องของการจับกุมช่างตัดผมชาวเกาหลีใต้ที่ลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทยปรากฏว่าข้อมูลจากชุดสืบสวนพบว่ามีคนให้เบาะแสเรื่องของช่างตัดผมชาวจีนเข้ามาอีก ซึ่งกลุ่มนี้ต่างจากช่างตัดผมเกาหลีใต้ที่จะเข้ามาเจาะกลุ่มลูกค้าคนไทย และกลุ่มนี้อาจจะต้องใช้คำว่าเป็นศูนย์เหรียญ คือช่างช่างตัดผมคนจีนที่มาให้บริการในร้านที่แล้วก็เปิดตัวชาวจีนและมีลูกค้าเป็นชาวจีนโดยเฉพาะ ในพื้นที่ที่คนจีนนิยมอยู่อาศัยในประเทศไทยด้วยกัน ซึ่งแน่นอนว่าถือว่าทำผิดกฎหมายเพราะเป็นอาชีพสงวนประกอบกับไม่ได้มีการขออนุญาต