ณฐา พงษ์ศาศวัต บรรณาธิการข่าวพีพีทีวี ได้ตั้งข้อสังเกตุต่อคดีนี้ว่า คดีแตงโม กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง ปลายปี 2567-ปัจจุบัน เนื่องจากคดีย่อย ที่อัยการฟ้อง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม หมิ่นประมาทตำรวจ 21 คน และศาลตัดสิน “ยกฟ้อง” เนื่องจากพยานสำคัญ เป็น หมอ 2 คน หนึ่งในนั้นคือ “นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์” อดีตศัลยแพทย์ รพ.พระมงกุฎ ได้วิเคราะห์บาดแผลแตงโม
ซึ่ง ศาลพิพากษา ใช้คำว่า “แม้ผู้เสียหายทั้ง 21 คน จะปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตเพียงใด แต่พยานหลักฐานต่างๆ ของผู้ตายล้วนมีพิรุธ เงื่อนงำ ดังนั้นพฤติกรรมต่างๆ อาจจะทำให้ “อัจฉริยะ” เชื่อโดยสุจริตว่าผู้ตายถูกฆาตกรรม”
คดีนี้ทำให้ “อัจฉริยะ” และ นพ.ธวัชชัย ซึ่งสู้เรื่องนี้มาโดยตลอด ดีใจอย่างมากเพราะทำให้เห็นว่า ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ นพ.ธวัชชัย และหมออีกท่านให้ความเห็นไว้ มีประโยชน์ในทางพิจารณาคดี เพื่อให้ความเป็นธรรม แตงโม
จากนั้น นพ.ธวัชชัย ได้ส่งข้อความหาไปยังเพจเฟซบุ๊กของนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์ตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อขอเข้าพูดคุยและแสดงหลักฐาน ข้อสงสัย ทั้งหมด
นายปานเทพ ได้นัด นพ.ธวัชชัย เข้ามาพูดคุยที่บ้านพระอาทิตย์ พร้อมกับ บก.อาวุโส หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ หลังจากนั้นนาย ปานเทพ ได้เอาหลักฐาน ที่นพ.ธวัชชัย ได้วิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ไว้หลายประการไปเปิดในรายการแห่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศพ ที่ตอนแรก ไม่มีรองเท้า แต่ภายหลัง ศพที่อยู่ในถุงนิติเวช กลับพบรองเท้า ศพ ที่มีลักษณะเจอลิ่มเลือด ที่พิสูจน์ 3 ประการ คือ เลือดถ้าเกิดบนบก, เลือดที่เกิดในน้ำจืด,เลือดที่เกิดในน้ำเกลือ ภายหลัง คุณหญิงหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ได้โต้สันนิษฐานนี้ตกไป
ต่อมา นายปานเทพ ก็เปิดพิรุธทางคดีต่อเนื่องโดยเฉพาะแผลจากใบพัดเรือ ต้องห่างกัน 14 เซนติเมตร แต่ที่ศพมี 2 เซนติเมตรบ้าง 2.5 ซม.บ้าง และยังพบรอยกรีดแนวยาวด้านขาขวาใน ซึ่งลักษณะเป็นรอยมีด ไม่มีทางที่ใบพัดเรือจะทำให้เกิดแผลเช่นนั้นได้
วันที่ 3 ม.ค. นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ ได้พาทีมพิสูจน์ GPS เข้าประชุมกับนายปานเทพ ที่บ้านพระอาทิตย์ จากนั้น นายปานเทพ เปิดหลักฐาน GPS เทียบกับรูปเบื้องต้นจากมือถือแตงโมที่อยู่ที่บังแจ็ค และ พบว่า มีข้อพิรุธมากมาย รวมถึงเกิดการตั้งข้อสงสัยเน้นไปที่ วัดค้างคาว ที่ GPS เรือมีบางช่วงที่วิ่งวนอยู่บริเวณนี้
จากข้อสันนิษฐาน ใบไม้ ที่พบด้านหลัง โคลนที่พบในทางเดินหายใจและปอด มือที่กำทราย ทำให้มีความเชื่อว่า อาจเสียชีวิตบนบก หรือตกน้ำใกล้ริมฝั่ง และเมื่อนำ GPS ไปเทียบกับ ภาพถ่ายแตงโมที่คู่กระติก ก็จับได้ว่า ไม่ตรงความจริง ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า ที่ไม่มีภาพแตงโมเลย อาจเป็นไปได้ว่า แตงโม ไม่ได้อยู่บนเรือลำนี้ ซึ่งภายหลัง คุณเอกเปิดเผยอีกว่า การใช้เทคนิคซูมบนเรือ ยังพบคนแค่ 5 คน ไม่ตรงกับตำรวจซึ่งใช้เทคนิคแสงเงา และพบ 6 คน โดยของคุณเอกพบว่า คนที่ 6 ของตำรวจ ไม่ใช่คน แต่เป็นราวกั้นเรือด้านซ้ายมือ
นาย ปานเทพต้องการพิสูจน์ใหม่ โดยให้คนใส่ชุดเหมือนแตงโม และทดลองจำลองเหตุการณ์ให้เหมือนที่สุด เพื่อยืนยันว่า 1. แตงโมมิอาจไปฉี่ท้ายเรือได้ 2.คนตกกาบเรือด้านซ้ายไม่มีทางจะโดนใบพัดเรือ (และบาดแผลใบพัดเรือไม่ตรงความจริง)
จากนั้น นาย ณวัฒน์ อิสรไกรศีล นำทีม มิสแกรนด์สมัครเป็นอาสาสมัคร โดยบอกภายหลังว่า ไม่เชื่ออยู่แล้วว่าแตงโมเสียชีวิต เพราะอุบัติเหตุ และแตงโม มาดูมิสแกรนด์รอบสุดท้ายทุกครั้ง ใกล้ชิดสนิทสนมกัน โดย 5 มิสแกรนด์ กับ ครูลิต้า ร่วมทดลองตกเรือ เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2568 ผลพบว่า กระโปรงรุ่มล่าม และน้ำกระเซ็นเปียก ไม่เชื่อแตงโมไปปัสสาวะ และทุกคนตกน้ำปลอดภัยดี ไม่โดนใบพัดเรือ
วันที่ 16 ม.ค. 2568 ปอ แซน จัดแถลงข่าว ยืนยัน การทดลองไม่ตรงความจริง เนื่องจากคำให้การแซน ในการเบิกความ แซนบอกว่า แตงโมตกไปก่อน แล้วเอามือจับกาบเรือ 10 วิ แต่ไม่กี่ชม.ต่อจากนั้น แซน ไปออกรายการไทยรัฐ บอกว่า จับกาบเรือ 3-4 วินาที และภายหลังปรากฎภาพแซนที่เคยพูดในรายการโหนกระแส บอกว่า ฉี่ ยืนขึ้น และตกกาบเรือด้านซ้าย
นาย ปานเทพ กับ นายณวัฒน์ นำทีมมิสแกรนด์ 77 จังหวัด เดินทางไปดีเอสไอ ร้องขอให้รับเป็นคดีพิเศษ 20 ม.ค. 2568
วันที่ 22 ม.ค. 2568 มีคำสั่ง อธิบดีดีเอสไอ รับคดีแตงโม มาสืบสวน แต่ยังไม่ได้รับเป็นคดีพิเศษ
แนวทางการต่อสู้และการตัดสินคดีแตงโม ว่าด้วยการขอเปลี่ยนข้อหา จากประมาท เป็น ฆ่าอำพราง และ การขอรื้อฟื้นคดี
ประมวลจากการให้สัมภาษณ์ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ดร.น้ำแท้ มีบุญสล้าง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ และพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือ ผู้การแต้ม อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
1. เป็นไปได้ยาก เพราะไม่มีหลักฐานแห่งการฆ่า แตงโม เช่น กล้องวงจรปิดคนกำลังฆ่า,มีดเปื้อนเลือด ,กองเลือด ฯลฯ
2. เป็นไปได้ยาก เพราะคดีหลักแตงโม ขณะนี้ เหลือแค่ไต่สวนพยานปากสุดท้าย 29 ม.ค. 2568 หรืออีกแค่ 5 วัน ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน จะมีการพิพากษาคดี ซึ่งการขอเปลี่ยนข้อหา จะต้องทำโดย อัยการ หรือ คุณแม่ ซึ่งอัจฉริยะไปยื่นทางอัยการ และจะต้องมีการเปลี่ยนข้อหาก่อนคดีสิ้นสุด (ซึ่งคดีจะสิ้นสุดในไม่ช้านี้แล้ว)
3.เป็นไปได้ยาก เพราะการตั้งคดี ตั้งคดีจากประมาท และการสู้คดี เป็นในแนวทางของคดีประมาทมาตลอด หากเปลี่ยนแปลงข้อหาตอนนี้ ไม่เป็นธรรมต่อจำเลย ซึ่งกฎหมายไทย ให้ประโยชน์ต่อจำเลยมากกว่า
4. เป็นไปได้ยาก ที่จะขอเปลี่ยนแปลงโทษ ตาม มาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ 2526 เพราะที่ผ่านมา กฎหมายฉบับนี้ มีไว้เพื่อให้จำเลย (ที่มีการตัดสินสิ้นสุดแล้ว) ในการยื่นขอรื้อฟื้นคดีมากกว่า และที่ผ่านมา แม้มีการยื่นขอรื้อฟื้นคดี แต่ไม่เคยมีคำตัดสินแม้แต่ครั้งเดียว ให้รื้อคดี เนื่องจาก
- อาจสร้างความวุ่นวาย จาก กระบวนการสอบสวนคดี ที่จะมีความผิดไล่หลังตามมามากมาย
- การรื้อฟื้นคดี มักมีผลกระทบต่อครอบครัว และญาติ เช่น ผลกระทบทางจิตใจ และชื่อเสียง ซึ่งอาจนับไปอีก 100 ปี
5. DSI สืบสวนการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ กรณีคำร้องมีการบิดเบือนคดีเพื่อเอื้อประโยชน์จำเลย หากมีมูล ส่ง ป.ป.ช. กรณีนี้ เป็นไปได้ เพราะไม่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงคดีหลัก
สรุปคือ ในทางกฎหมาย เอื้อไปทาง แซน กระติก จ๊อบ จะโดนแค่คดีประมาท ดังนั้น การต่อสู้ของ ทีม “ปานเทพ-อัจริยะ”
จากการให้สัมภาษณ์ของนายปานเทพ น่าจะเน้นไปที่ เส้นทางที่ 2 อัจฉริยะ ร้องดีเอสไอ (ขอรับเป็นคดีพิเศษ) แต่ตอนนี้ ดีเอสไอรับสืบสวน เจ้าหน้าที่รัฐ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ถ้าผิด ส่งต่อ ป.ป.ช.เป็นหลัก
ซึ่งเมื่อฟังจาก นายอัจฉริยะ ให้สัมภาษณ์ รายการคุยข้ามช็อต PPTV เมื่อวันที่ 23 ม.ค. เชื่อได้ว่า จะเน้นช่องทาง DSI สืบสวนหาความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ (ตำรวจ-อัยการ)เป็นหลัก เช่นกัน โดยหลักฐานสำคัญที่จะนำมาสู้คดีคือ
หลักฐาน GPS เรือ ที่ ก่อนหน้านี้ ตำรวจใช้เทคนิคแสงเงา ทำให้เห็นคนบนเรือ 6 คน แต่มีการใช้เทคนิคซูมขั้นสูง ทำให้พบว่า มีคนบนเรือแค่ 5 คน อีก 1 ที่ตำรวจอ้างว่าเป็นคน ความจริงแล้วไม่ใช่ เป็นแค่ ราวกั้นเรือด้านซ้ายมือ
หากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความผิด กลุ่ม อัจฉริยะ -ปานเทพ ก็หวังว่าคนบนเรือ จะมีความผิด ฐานร่วม
“แม้ผู้เสียหายทั้ง 21 คน จะปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตเพียงใด แต่พยานหลักฐานต่างๆ ของผู้ตายล้วนมีพิรุธ เงื่อนงำ ดังนั้นพฤติกรรมต่างๆ อาจจะทำให้ “อัจฉริยะ” เชื่อโดยสุจริตว่าผู้ตายถูกฆาตกรรม”